“วิษณุ” ยันกม.อาญานักการเมืองไม่ขัดหลักสากล ปัดจ้องเอาผิดทักษิณ แค่ป้องกันจำเลยหนี

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. .… ว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันแล้วว่า ได้ตรวจสอบแล้วทั้งหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน แต่ส่วนตัวยังไม่ได้ดูตัวกฎหมายดังกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งประเด็นที่สังคมถกเถียงกันมากคือ กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ย้อนหลังหรือไม่ ทั้งนี้หลักที่ยึดถือมาโดยตลอดเป็นเช่นเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ โดยกฎหมายอาญาจะไม่มีผลย้อนหลังหรือเพิ่มโทษ แต่กฎหมายแพ่ง และกฎหมายวิธีพิจารณาคดี สามารถมีผลย้อนหลังได้ในบางกรณี ยืนยันร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่มีผลย้อนหลัง 2 ประเด็นคือ 1.คดีที่มีคำพิพากษาไปแล้ว 2.ไม่มีผลย้อนหลังเพื่อเพิ่มโทษ แต่คดีที่เริ่มกระบวนการไปแล้วซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถพิจารณาต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทย ยื่นให้นายกฯส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทางรัฐบาลก็จะนำมาพิจารณาต่อไป

เมื่อถามว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวสามารถพิจารณาคดีลับหลังได้จำเลยได้ ถูกมองว่าไม่เป็นไปตามหลักสากล นายวิษณุ กล่าวว่า ที่จริงเรื่องนี้เป็นไปตามหลักสากล เป็นการพิจารณาลับหลังในเฉพาะกรณีที่จำเลยหลบหนี จากเดิมที่ไม่สามารถพิจารณาลับหลังได้เลย เพราะต้องเปิดโอกาสให้จำเลยได้ซักค้านพยานของอีกฝ่าย ต่อมาเมื่อเห็นว่ามีทนายมาซักค้านแล้ว จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องมาที่ศาลก็ได้ โดยศาลสามารถพิจารณาลับหลังได้ โดยลับหลังในที่นี้คือให้โอกาสจำเลยเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้

“ภายหลังมาเจอประเภทจำเลยหนี ซึ่งหลักกฎหมายคือพิจารณาไม่ได้ และหลายประเทศจึงได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้แก้ไขกฎหมายในหลายฉบับ เช่น วิธีพิจารณาคดีทุจริต กำหนดว่าถ้าหนีต้องออกหมายจับ ถ้าจับไม่ได้ ก็สามารถพิจารณาลับหลังได้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามอีกว่าพรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่า การแก้กฎหมายดังกล่าวมุ่งไปที่ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายวิษณุ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่ทางพรรคเพื่อไทยอาจจะเข้าใจอย่างนั้น ทั้งนี้ ในอดีตเคยมีกรณีที่ขอประกันตัวแล้วหลบหนีเป็นจำนวนมาก ทำให้คดีหยุดชะงัก และยิ่งเป็นคดีที่มีผู้กระทำผิดหลายคน ก็จะยิ่งทำให้ยุ่งยาก จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมามีบทเรียนจากหลายคดี จึงได้นำมาสู่การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว และในหลายประเทศก็ได้มีการแก้ไขกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งกรณีของอดีตนายกฯก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ว่ามีพฤติการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น แต่เรื่องเหล่านี้ได้มีการคิดกันมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาคิด เพราะเมื่อครั้งที่จนเป็นรองนายกฯครั้งแรก ในสมัยที่นายทักษิณ เป็นนายกฯ ก็มีการเสนอ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์