“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” อัพเดตอาการ ผ่าตัดสมอง นอนดูอาการ ICU

“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์”

พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร อัพเดตอาการ “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ผ่าตัดสมองสำเร็จ นอนดูอาการอ ICU 3 วัน และออกมาสังเกตอาการอีก 7 วัน

วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ป่วยด้วยภาวะเลือดออกในสมอง โดยได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pibhop Dhongchai ของนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อัพเดตอาการป่วยของนายสมเกียรติ ระบุว่า เมื่อสมเกียรติมาถึงมือหมอ เมื่อตัดสินใจออกจาก รพ.กรุงเทพ โคราช เดินทางมา รพ.กรุงเทพ ในมหานคร ระยะทางยาวกว่า 200 กิโลเมตร มีลูกสาวคนเล็กนั่งเฝ้าอาการพ่อในรถมาด้วย ส่วนหน่อยและคนอื่น นั่งรถคุณปรีดา

เมื่อมาถึงหมอตรวจอาการเสร็จ ก็บอกเล่ากับญาติให้กลับไปตัดสินใจทางเลือกเดิมที่หน่อยกังวล คือการผ่าตัดสมอง ด้วยว่าการสอดเส้นลวดนั้น สำเร็จแล้วต้องกินยาไปตลอดปี และต้องกลับมาตรวจซ้ำอีก ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายไม่น้อยจะตามมา ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในคราวนี้ คุณสมศักดิ์มิตรสหาย ผู้เป็นกัลยาณมิตร จะยินดีจ่ายให้ทั้งหมด

หมอบอกว่า ไม่ใช่เรื่องยากที่จะผ่าตัดสมอง ด้วยการแตกของเส้นเลือดนั้นไม่ได้อยู่ที่แกนก้านสมอง (brain stem) ซึ่งไม่เป็นการยากลำบากที่จะรักษา ตรงกับความเห็นของหมอชูชัยที่ว่า

“ไม่เข้าไปในก้านสมอง brain stem นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าไปแตกในก้านสมอง จะลำบากมากครับ”

เลือดจากการแตกของเส้นเลือดกระจายตัวอยู่ส่วนหน้า ด้วยความว้าวุ่นใจมาหลายวันของหน่อย ที่จะตัดสินใจทางเลือกในการรักษาสามี ตั้งแต่อยู่ที่ รพ.มหาราช จนย้ายมา รพ.กรุงเทพโคราช และมาจบที่ รพ.กรุงเทพในเมืองหลวง

หน่อยกับลูกและญาติก็ยอมให้หมอผ่าตัดสมอง ที่หมอรับรองว่าปลอดภัย และดีกว่าการสอดเส้นลวด

ความกังวลของหน่อยอีกเรื่องหนึ่งคือค่าใช้จ่าย ที่รู้ว่ามหาศาล เกินความสามารถทางการเงินของตัวเอง ที่เป็นเพียงข้าราชการบำนาญ จนคุณปรีดารับรองว่า คุณสมศักดิ์ผู้เป็นกัลยาณมิตรของสมเกียรติ จะดูแลให้ทั้งหมด โดยบอกผ่านประสารว่า

“ถึงแม้จะมีโอกาสรอดเพียง 10% ก็ต้องทำ” คุณสมศักดิ์จึงขอให้ย้ายโรงพยาบาลให้หมอที่เชี่ยวชาญวินิจฉัยซ้ำอีกที

การวินิจฉัยก็มาจบที่ผ่าตัดสมอง ซึ่งทำสำเร็จเมื่อวานนี้ แต่ต้องอยู่ใน ICU ต่อ 3 วัน และออกมาสังเกตอาการอีกราว 7 วัน

เมื่อจบตรงนี้ หน่อยก็อยากพาสามีกลับบ้าน เพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด และลดค่าใช้จ่าย ด้วยหน่อยนั้นเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่ชอบออกปากขอใคร กินแต่เงินบำนาญ ในขณะที่สามีก็ต้องคดีแพ่ง ถูกตามเก็บทรัพย์ จากคดีห้าร้อยกว่าล้านบาท ร่วมกับแกนนำอีก 5 คน และยังมีคดีใหญ่รออยู่ข้างหน้าอีกหนึ่งคดี แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้สองสามีภรรยาท้อแท้ใจแต่อย่างใด

หน่อยนั้นหลังจากสามีออกจากคุก ก็ทำไร่ทำสวนกันสองคนตายาย ตามนิสัยที่ถูกสร้างมาในวัยเด็ก ที่เป็นลูกชาวนา ส่วนลูกสาวสองคนก็ออกเรือนไปสร้างฐานะใหม่กันทั้งคู่ การอยู่คนเดียวในวันข้างหน้า ก็เป็นความกังวลกับหน่อยอยู่ไม่น้อย