“ธนาธร” นำเงินกองทุนราษฎรประสงค์ 2 แสนบาท ยื่นประกัน “เบนจา อะปัญ” ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 พร้อมเผยเหตุผลในการเป็นนายประกันในครั้งนี้
วันที่ 21 ตุลาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีนันท์ ฮวดศรี ทนายความ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว เบนจา อะปัญ ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีอ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารซิโนทัยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
นายธนาธร กล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ ผมมาเป็นนายประกันให้กับ “เบนจา อะปัญ” เบนจาถูกปฏิเสธการประกันตัว ด้วยเหตุผลของศาลว่าคดีมีอัตราโทษสูง, อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหาย และน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี
“เบนจา” เป็นผู้ต้องหาคดี 112 จากการปราศรัยหน้าสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และการร่วมคาร์ม็อบในวันที่ 10 สิงหาคม 2564
นายธนาธร เผยถึงเหตุผลในการเป็นนายประกันในวันนี้ว่า เพราะไม่อยากให้สังคมลืมเรื่องของเบนจา หรือนักต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยคนอื่น ๆ ซึ่งแลกอิสรภาพของพวกเขากับการพูดความจริงในสังคมไทย เราซึ่งอยู่ข้างนอก มีบทบาท ภาระหน้าที่ทางสังคมแตกต่างกันไป แต่ในวันที่ยากลำบากเช่นนี้ เราต้องยืนหยัดร่วมกัน ไม่ทอดทิ้งกัน
ผมอยากเรียกร้องมโนสำนึกจากทุกผู้คนที่ได้อ่านข้อความนี้ ว่าสิทธิในการประกันตัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนยุติธรรม
เบนจามาจากโคราช มีพื้นเพเป็นชนชั้นกลาง ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือสมบูรณ์พร้อม มาเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนเข้าเรียนต่อที่หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SIIT) เธอเป็นคนระดับหัวกะทิในทางวิชาการทั้งที่อายุยังน้อย มีความใฝ่ฝันอยากเป็นวิศวกรอวกาศ เธอชอบ Space Shuttle มีความฝันว่าจะเรียนต่อจนจบปริญญาเอก และทำงานกับหน่วยงานอวกาศภายใต้ NASA
คนอย่างเบนจา ไม่ใช่ภัยของสังคมอย่างแน่นอน กลับกัน เธอคืออนาคตของชาติ แบบอย่างของคนรุ่นใหม่ที่กล้าฝัน กล้าตั้งคำถาม เธอและผู้ต้องหาทุกคน ต้องได้รับสิทธิประกันตัว
วันนี้ เป็นยุคมืดของกระบวนการยุติธรรม การทำงานของ ตำรวจ-อัยการ-ศาล-ราชทัณฑ์ บิดเบี้ยว รับใช้กลุ่มอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ทำให้ยุคนี้มีผู้ถูกกล่าวหา และเดือดร้อนกับคดีการเมืองมากกว่ายุคสมัยใดในอดีต
เมื่อวานนี้ ศาลอุทรณ์กลับคำพิพากษาศาลขั้นต้น ให้คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม มีความผิดจากการปิดคูหา ขัดขวางการเลือกตั้ง อันเป็นการขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย และริดรอนสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ศาลตัดสินให้ต้องจำคุก 8 เดือน แต่คุณสนธิญาณก็ยังได้รับการประกันตัวสู้คดีต่อในชั้นฎีกา ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลกลับถูกปฏิเสธสิทธินี้
เรามีผู้ต้องหาคดี 112, 116, 215, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึง 1,500 คน จาก 800 กว่าคดีเฉพาะ 112 มีถึง 150 คน
และยังมีคนถูกข่มขู่ คุกคาม จากเจ้าหน้าที่รัฐนอกกระบวนการอีกเป็นจำนวนมาก ถ้าเรานิ่งเฉย ความยุติธรรมจะตายจากสังคมไทย ความอยุติธรรมจะกลายเป็นมาตรฐานอย่าปล่อยให้ความอยุติธรรมเป็นเรื่องปกติ ออกมาส่งเสียงร่วมกันว่า “ปล่อยเพื่อนเรา”