ศบค.ชุดเล็ก กร้าวใช้กฏหมายคุมเปิดประเทศ 15 วันลุ้นเปิดผับ-บาร์

ผับ บาร์
FILE PHTO : Jack TAYLOR / AFP

ศบค.ชุดเล็ก ย้ำชัดเปิดประเทศ “ไม่มีการอะลุ้มอล่วย” เตรียมใช้กฏหมายคุม 15 วันลุ้นเปิดผับ-บาร์

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์สถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับภาคเอกชนหลังเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ว่า รัฐบาลประกาศเตือนการเปิดประเทศไปตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564

ที่ผ่านมาในขั้นเตรียมการได้เห็นปัญหาบางประการเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีทุกภาคส่วนได้ให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประชาชนปลอดภัย เศรษฐกิจเดินได้ ผู้ประกอบการสามารถประกอบกิจการต่าง ๆ ตามที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าได้

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ปัญหาจากการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่พบเป็นเรื่องของขั้นตอนเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก จึงได้สั่งการเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น

อีกประการหนึ่ง การผ่อนคลายมาตรการของร้านอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนด ซึ่งที่ประชุมในวันนี้ได้ตั้งทีมเชิงรุกเพื่อไปทำความเข้าใจและทำให้เกิดมาตรฐานด้านสาธารณสุข คือ SHA หรือ SHA+ โดยกระทรวงสาธารณสุขและกทม.

รวมถึงจังหวัดประกาศนำร่องการท่องเที่ยว โดยจัดทีมเชิงรุกไปฉีดวัคซีนให้กับร้านอาหารให้เป็น SHA+ ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกทม.ซึ่งเป็นพื้นเป้าหมายเร่งด่วนสูงสุด และจะเริ่มเข้าไปตรวจเชิงรุก

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า สำหรับการให้ดื่มสุราในร้านอาหารได้ถึงเวลา 21.00 น.นั้น ต้องทำให้ได้จริง อาจจะมีความไม่เข้าใจ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องช่วยกันขอความร่วมมือให้ทำให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้จนไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็จะนำไปสู่ความเสียหาย

“ไม่มีการอะลุ้มอล่วย ถ้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรวจพบจะตักเตือนก่อน ถ้าไม่เชื่อฟังก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย”

ประเมินคลายล็อก เปิดผับ-บาร์

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า การเปิดประเทศคำนึง 2 ส่วน ส่วนแรก ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ส่วนที่สอง ภาคเอกชน กิจการและกิจกรรมให้ใช้มาตรการ Covid free setting โดยจะมีการประเมินทุก 15 วัน หากสถานการณ์ดีขึ้นและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจะมีมาตรการผ่อนคลายออกมาเป็นระยะ รวมถึงการพิจารณาผ่อนคลายธุรกิจผับ บาร์ โดยเริ่มจากพื้นที่นำร่อง เพราะมีความพร้อมด้านมาตรฐานสาธารณสุขเป็นอันดับแรก สำหรับปัจจัยการประเมินเพื่อผ่อนคลายมาตรการประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น จำนวนและคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อ จำนวนการฉีดวัคซีน  และขีดความสามารถด้านสาธารณสุข

“ในการเปิดประเทศครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวแต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการเดินทางระหว่างประเทศ ภาคธุรกิจอื่นและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ต้องประกอบอาชีพทุกอาชีพ ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีภาคการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของประเทศจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษและทำได้รวดเร็วกว่าทั้งนี้ หากสถานการณ์ในพื้นที่ใดดีและมีความพร้อมจะทยอยเปิดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว”

สภาหอ ชง ดื่มสุราถึง 4 ทุ่ม -เพิ่มพื้นลอยกระทง

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการความชัดเจนเรื่องการจัดงานลอยกระทงให้ได้และจะมีการจัดฉลองเทศกาลลอยกระทงในปีนี้ นอกจากนี้จะเสนอให้กทม.เพิ่มพื้นที่การจัดงานลอยกระทง ซึ่งกทม.จัดให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ประกอบการในเรื่องสถานที่และเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์ดีขึ้น ภาคเอกชนเสนอให้ขยายระยะเวลาการดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจาก 21.00 น. เป็น 22.00 น. หรือ 23.00 น.

นายสนั่นกล่าวว่า ภาคเอกชนประเมินการเปิดประเทศจะทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในปีนี้ เดือนมกราคม-กันยายน 64 จำนวน 85,000 คน ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 64 จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเดือนละ 3 แสนคน รวม 6 แสนคน หากประสบความสำเร็จในปี 65 คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 10 ล้านคน ซับพลายเชนของภาคบริการจะเห็นการฟื้นตัวอย่างเร็ว”

ดันช้อปดีมีคืนกระตุ้นจับจ่ายปลายปี

นายสนั่นกล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาจะพักระยะยาว ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยคนละ 50,000 บาทต่อคน ต่อไปจะเพิ่มเป็นคนละ 70,000 – 100,000 บาท ต่อคน ทำให้ได้นักท่องเที่ยวมีคุณภาพสูงขึ้น


“โครงการช้อปดีมีคืนจะผลักดัน เดือนธันวาคมยังมีหวัง จะกระตุ้นการใช้จ่ายได้ดีมาก เงินจะมหาศาล คนมีตังค์อั้นไว้ ไม่มีที่ใช้อยู่แล้ว คนมีตังค์ชอบช้อปดีมีคืนมากกว่ายิ่งใช้ยิ่งได้ เพราะไม่ต้องไปลงทะเบียน”