“บิ๊กตู่” รับ 3 ปี ยังปลดทุกข์ให้ไม่ได้ ขอเวลาแก้ป้ญหา ลั่นไม่เกลียดใคร พร้อมให้อภัยเติมความดี

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่หอประชุมอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เยี่ยมชมตลาดประชารัฐ ซึ่งมีอาหารพื้นบ้านมาจัดแสดงหลายชนิด โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมทำลอดช่องกะลา และชิมทองม้วนมะพร้าวอ่อน และข้าวยำ รวมทั้งทดลองตอกหนังรูปเหมือนตัวเอง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พบปะประชาชน โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา พัทลุง ระนอง และสุราษฎร์ธานี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ยังปลดทุกข์ให้ทุกคนไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา ตนและรัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน และบางอย่างต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขอให้ลดลงบ้าง มันมีช่องทางเยอะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็น ผอ.รมน.จังหวัด จะต้องทำงานแบบบูรณาการ ต้องดูความปลอดภัยประชาชน และด้านเศรษฐกิจ การค้า ซึ่งรัฐบาลรับฟังการเสนอแนวทางจากล่างมาสู่บน ที่ผ่านมาไม่ได้ทำกันแบบนี้ ผลสัมฤทธิ์จึงไม่เกิด ปัญหาจึงซับซ้อน

“ผมมาวันนี้ไม่ได้มาจับผิดจับถูก ไม่ได้มาหาเสียง หรือมาทำให้ทุกคนรัก แต่ผมรักทุกคน ใครเกลียดผม ผมก็จะรักเขาให้มากกว่าเดิม เติมความดีให้เขา ให้อภัย เพราะนั่นคือคนไทย แต่บางคนไม่น่าให้อภัย เติมความดีให้แล้วก็ยังไม่ดี คนไทยไม่เคยขัดแย้ง แต่วันนี้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา เพราะโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ข่าวสารในโซเชียลมีเดียบางอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอให้ตรวจสอบกันด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหา ถ้าเราต้องการประชาธิปไตยก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการทำงาน ตนคิดแบบทหาร แต่ต้องทำงานอย่างพลเรือน พร้อมกับดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วย และการทำงานวันนี้จะต้องทนต่ออุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ป่าไม้ พืชผลการเกษตร โดยต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมด เพราะตนเกิดในประเทศไทย จึงอยากตายในประเทศไทย แต่ปัญหาของเราก็ยังมีเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็จะแก้ปัญหาความยากจนไม่ได้ ประชาชนต้องรับรู้ข่าวสารว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง ไม่ใช่จะคอยแต่วิจารณ์รัฐบาลอย่างเดียว ทุกคนรู้ว่าตนมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วต้องรู้ด้วยว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็คงไม่เข้ามา แต่เมื่อเข้ามาแล้วอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งที่ตนได้ทำไว้ให้คงอยู่ อย่าให้ปัญหากลับมาอีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้การแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) รัฐบาลออกกฎหมายมา 70 ฉบับ ที่ผ่านมาไม่แก้กัน เพราะกลัวเสียคะแนนเสียง หากเราอยากมีรายได้สูงก็ต้องเปิดประเทศที่สะอาด และขอให้เลิกวรรณกรรมการบิดเบือน

“ท้องถิ่นจะต้องร่วมกันเดินหน้าประชารัฐ สร้างความเข้มแข็งให้พื้นที่ ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ถ้าทำไม่ได้ยุบก็ต้องยุบ ท้องถิ่นต้องปรับปรุงตัวเอง ต้องรับผิดชอบงานที่กระจายอำนาจไปแล้วให้ได้ เช่นเดียวกับข้าราชการที่ต้องปรับปรุงตัวเอง ต้องทำงานร่วมกับประชาชน ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งจะทำให้มีคนมาแสวงหาประโยชน์ และอย่าไปฟังคำบิดเบือน สิ่งที่ผมพูดไม่มีใครเครียดด้วยเลย ผมเครียดอยู่คนเดียว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตค้าน้ำมันเถื่อนหรือผู้มีอิทธิพลต้องไม่มีอีก ถ้ามีอีกขอให้ส่งข้อมูลมา จะตรวจสอบให้ ตนมีกลไกการตรวจสอบ ใครอ้างชื่อนายกฯ รองนายกฯ หรือรัฐมนตรี เอาตัวมาเลยจะจัดการให้ ตนจะจัดการพวกแอบอ้าง เพราะทำให้การทำงานเสียหาย

“ผมยืนยันว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แม้ชาวบ้านอาจจะบอกว่าไม่เห็นดีขึ้นตรงไหน แต่สิ่งสำคัญคือเราได้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ เพราะผมเป็นนายกฯที่ไม่เอาใจคน ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมบริหารงานในแบบของผม ดูแลประชาชนโดยไม่เลือกว่าใครสนับสนุนผม โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) คือเครื่องจักรใหม่ ถ้าโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น บอกได้เลยว่าเราจะสู้เขาไม่ได้ วันนี้เราไม่มีแหล่งเงินทุนแล้ว รัฐบ่งไม่ได้ ตูดขาด แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเงินลงทุนโครงการต่างๆ เรื่องความมั่นคงก็ต้องลงทุน เพื่อทำให้ประเทศมีตัวตน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวอีกว่า “วันนี้ผมยอมรับว่าอาจจะทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ตั้งใจทำเพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์