“บิ๊กตู่” ลั่นถ้าอายุน้อยกว่านี้จะร่วมวิ่งด้วย ควักกระเป๋าบริจาคให้ “ตูน” บอกเป็นวาสนาได้เจอกัน

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ห้องรับรองตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ประธานโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ นำครอบครัวและคณะ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชื่นชมและขอบคุณ ตูน ครอบครัวและทีมงาน ที่เสียสละและตั้งใจทำความดีครั้งนี้ และทำให้คนไทยมีความสุข พร้อมระบุว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน วันนี้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีใหม่นัดแรก หรือประยุทธ์ 5 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นวาสนาที่ได้พบกัน ที่ผ่านมาได้ติดตามมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มวิ่ง และเคยบริจาคเงินไปด้วยแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งวิ่งที่บางสะพาน

ส่วนครั้งนี้ระยะทางวิ่งไกลกว่าเดิม หากไม่มีจิตมุ่งมั่นตั้งใจ คงไม่มีใครวิ่งได้ขนาดนี้ ทั้งได้ขอบคุณตูนและทุกคน ที่ได้ประสานกับทุกฝ่ายทั้งกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยายาลบาลทั้ง 11 แห่ง ว่าจะทำอะไรล่วงหน้าอย่างไร มีการตรวจสอบเส้นทาง คณะทำงาน ถือเป็นสิ่งที่ร่วมมือกันทำทั้งประเทศของเรา สิ่งที่ตูนทำวันนี้ ถือว่าไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงของตัวเองตั้งแต่แรก แต่ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนจำนวนมาก ถือว่าสอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีหลายภาคส่วนช่วยกันทำงาน และถือได้ว่าตูน เป็นพลเมืองที่มีความมุ่งมั่น ทำเพื่อประโยชน์ชาติและประชาชน เพื่อการสาธารณสุข

“วันนี้ถือว่าตูน เป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศไปแล้ว การเป็นก็ว่ายากแล้ว แต่การจะรักษาต่อไปนั้น มันยากกว่า ยากเหมือนกัน เหมือนกับการได้แชมป์มาแล้ว การรักษาแชมป์จะยากกว่า แต่จากพื้นฐานของตูน ผมมีความเชื่อมั่น ทั้งจากการเรียนหนังสือที่จบคณะนิติศาสตร์จุฬาฯ ได้รับเกียรตินิยมด้วย และมีความสามารถพิเศษด้านดนตรี เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ ถือเป็นคนในศตวรรษใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคน 4.0 คิดแบบ 4.0 แต่ไม่ได้หมายความว่า ตูนจะต้องไปปฏิรูป 4.0 ด้านเศรษฐกิจ มันเป็นคนละเรื่องกัน

สิ่งที่ผมชื่นใจแทนตูน คือสามารถได้ร่วมกับคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ทำงานซึ่งเป็นไปตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องของจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หน้าที่ของพวกเราทุกคนคือประชาชน ในส่วนที่สอง รัฐบาลพยายามใช้กลไกในการขับเคลื่อนทุกอย่างของประเทศในเรื่องกลไกประชารัฐ”นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศมีปัญหามาก ซึ่งตูนก็เข้ามาช่วยลดปัญหาตรงนี้ โดยโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งในโครงการ รัฐบาลก็ดูแลในส่วนหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่างบประมาณส่วนใหญ่ก็ต้องไปดูแลเรื่องประกันสุขภาพ ก็มีปัญหามากพอสมควร เพราะเรายังมีรายได้ไม่มาก ถ้าให้มากไปทั้งหมดก็จะมีผลกระทบกับการพัฒนา แต่กระทรวงสาธารณสุขก็เร่งดำเนินการในส่วนต่างๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงรัฐบาลนี้อนุมัติงบประมาณไปยังโรงพยาบาลต่างๆ จำนวนหนึ่งแล้ว แต่โรงพยาบาลศูนย์ส่วนใหญ่ก็นำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การจัดหาอุปกรณ์ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขาดความทันสมัยเพราะมีราคาแพง สิ่งที่เป็นปัญหาคือถ้าเราใช้จ่ายในเรื่องของคนมาก และยังไม่สามารถหาเงินได้มากพอ รัฐบาลก็จะมีปัญหา ซึ่งวันนี้ตนเองดีใจที่เห็นตูนวิ่งมาได้เกินครึ่งทาง 1,288 กิโลเมตร

 ที่ผ่านมาก็เป็นห่วงตลอด โดยให้ทหารช่วยดูแลทั้งเรื่องเส้นทางและการรักษาความปลอดภัย พร้อมขอทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยากเข้ามาใกล้ชิดถ่ายรูปกับตูน แต่จะทำให้จังหวะการวิ่งมีปัญหา และ อาจเกิดอันตรายได้ สิ่งที่ทุกคนทำวันนี้ทำด้วยใจ อันเป็นกุศลทำให้คนอื่นมีความสุข แต่เราอาจจะทุกข์บ้าง เพราะอาจมีคนบ่นคนว่า ซึ่งถือเป็นความทุกข์ของเรา แต่เราก็ยึดมั่นและทุกอย่างก็จะสำเร็จ เหมือนนายกรัฐมนตรีที่คิดว่าทำงานเพื่อคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราก็ยอมรับอยู่แล้ว เสียดายหากอายุน้อยกว่านี้จะไปร่วมวิ่งกับตูนด้วย สมัยก่อนก็วิ่งอยู่ทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้วิ่งแล้ว เพราะอายุย่างเข้า 64 แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การตั้งความหวังในการวิ่ง รวมทั้งระยะทางต่างๆ ถือเป็นการตั้งเอง หากมีอุปสรรคทางร่างกาย ก็ไม่มีใครว่าอะไร ขออย่าฝืน เพราะหากฝืนอาจทำไม่ได้ต่อไป “ผมอ่านข่าวว่ามีการวิ่งข้ามทะเลทราย 250 กิโลเมตร ว่าจะส่งตูนไปลงแข่งขันด้วย ถือเป็นการวิ่งระดับโลก วันนี้วิ่งได้แล้ว 1,288 กิโลเมตร คนอื่นน่าจะสู้ตูนไม่ได้” พร้อมฝากให้ก้อย รัชวิน แฟนสาวคอยดูแลตูนด้วย และขอให้รักกันมากๆ

ขณะที่ตูน ได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสและให้เกียรติเข้าพบ พร้อมกล่าวว่า การวิ่งยังล่าช้ากว่ากำหนด 2 วัน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ และต้องพักตามที่แพทย์แนะนำ การเริ่มต้นโครงการถือเป็นความตั้งใจที่จะช่วยเหลือแพทย์และพยาบาล และไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนออกมาร่วมกันมากมายเช่นนี้ เราเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่พวกเราทั้งหมดอยากจะทำ โดยทำให้เต็มที่มากที่สุดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และสุดท้ายมันจะเล็กหรือใหญ่ก็ให้เป็นเรื่องธรรมชาติ

“ผมดีใจมากในการวิ่งครั้งนี้ ตลอดเส้นทางเริ่มจากเบตงวิ่งขึ้นมา มีแต่รอยยิ้มของคนไทย และเห็นความสุขของคนไทย เด็กบางคนนำกระปุกออมสินที่หยอดมาทั้งปีมาช่วย ผมว่ามันสวยงามและยิ่งใหญ่ ขอบคุณที่เห็นผมเป็นแรงบันดาลใจ สิ่งที่ได้มามันมากกว่าการช่วยเหลือโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะสามารถรวมจิตใจในการให้ของคนไทย ถือเป็นความงดงามที่หาไม่ได้ ขอบคุณนายกฯ ที่ให้โอกาสเข้าพบในครั้งนี้ ผมและทีมงานขอฝากนายกฯ กราบขอบคุณคนไทยทุกคนที่ออกมาช่วยกัน ซึ่งทั้งหมดได้ตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท เดิมเราตั้งเป้าไว้ว่า เราอยากได้เงินจำนวนน้อยๆ จากคนจำนวนเยอะๆ มากว่ากว่าจะได้เงินจำนวนเยอะๆ จากคนจำนวนน้อยนิดเดียว” ตูน กล่าวและว่า ความจริงจะพักวันนี้เพียงวันเดียว แต่คณะแพทย์ขอร้องให้พัก 2 วัน

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจแพทย์หญิงสมิตตา สังขะโพธิ์ หรือหมอเมย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระราม 9 ที่ร่วมวิ่งในคณะ พร้อมสอบถามถึงการทำงาน โดยระบุว่า อย่าน้อยใจ การทำอะไรใหม่ๆ ดีๆ ปัญหาจะมีมาก มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่หมอเมย์ก็เป็นคนที่มีความตั้งใจอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อไปคนก็จะรักเราเอง มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ทำดีอย่าเด่นจะเป็นภัย วันนี้ทำดีไม่ต้องทำเด่นและจะไม่เป็นภัย ทำแบบตูนและทีมงาน พร้อมกระเซ้าว่า ถ้าไม่มีงานทำจะฝากให้ทำงานที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีนำเงินส่วนตัวใส่ซองปิดผนึกโดยไม่เปิดเผยจำนวน รวมทั้งเงินบริจาคในส่วนของทำเนียบรัฐบาล และของที่ระลึกมอบให้ตูน ครอบครัว และทีมงาน ก่อนจะเดินจูงมือออกมาส่งตูนด้วยตนเอง และยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “คนที่ทำเนียบรัฐบาลรอตูนมากกว่าตนเองอีก โดยเฉพาะสาวๆ ก้อยอย่าหึงนะ ผมเองก็ไม่ได้อิจฉาตูนที่มีคนรักจำนวนมาก ใครอยากจะมา อยากจะรักได้เชิญ ขอเพียงอย่างเดียว อย่าเหยียบเท้าตูน”

จากนั้นตูน บอดี้สแลมกล่าวภายหลังเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกฯ ขอเป็นกำลังใจให้ตนและทีมงานทำต่อไป นายกฯ บอกว่าถ้าเหนื่อยก็ขอให้พักบ้าง และขอให้ทำภารกิจสำเร็จ เมื่อถามว่าการที่ได้มาพบรัฐบาลวันนี้ได้ขอช่วยเหลืออะไรหรือไม่ นายอาทิวราห์ กล่าวว่า นายกฯ ได้แสดงความห่วงใยมาตลอด และให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้มาตลอดทางอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำกล่องรับบริจาคซึ่งระบุข้างกล่องว่า “ร่วมสมทบทุนทำเนียบรัฐบาล” โดยให้รัฐมนตรีแต่ละคนร่วมใส่เงินตามความต้องการ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลได้ทำกล่องบริจาค รวบรวมเงินมอบให้กับตูนในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปด้วยความคึกคัก มีข้าราชการมารอต้อนรับตูนและทีมงาน พร้อมเงินบริจาคให้กับตลอดทาง จนตูนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์