ชลน่านยันเพื่อไทย ยังไม่รับ “วิฑูรย์” แม้ดีลทักษิณ ขอปาร์ตี้ลิสต์ต่ำ 30

หมอชลน่านชี้วิฑูรย์ เข้าเพื่อไทยต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย-กม.พรรคการเมือง แม้ประกาศดีลกับ ทักษิณ ชินวัตร งง มีเจตนาทำให้เพื่อไทยเสียหายหรือไม่

วันที่ 27 ธันวาคม 2564 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่น จ.อุบลราชธานี ถึงการหารือกับนายเกรียง กัลป์ตินนท์ รองหัวหน้าพรรค รวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” เพื่อขอตำแหน่ง ส.ส.บัญชีราชื่อลำดับไม่ต่ำกว่า 30 ว่า กรณีนี้ตนเพิ่งทราบจากสื่อมวลชน ซึ่งมีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการไปร้องเพื่อตรวจสอบว่า เข้าข้อกฎหมายใด ๆ หรือไม่

ตระกูลนามบุตร ไม่มีกั๊ก ขอ “ทักษิณ” ติดปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับต่ำกว่า 30

ยืนยันว่า ใครจะมาเป็นสมาชิกหรือผู้สมัครในนามพรรค ต้องมีกระบวนการที่ชัดเจน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และข้อบังคับของพรรค ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่า ใครจะมาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค ทั้งระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ต้องผ่านกระบวนการการสรรหา เหมือนกับการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร

เราก็ไม่กล้าประกาศทันทีทันใดว่าเรามี นายสุรชาติ เทียนทอง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในนามพรรค เพราะทุกคนรู้หมดว่า ส.ส. เราทำงานอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว เนื่องจากมันมีกระบวนการสรรหาให้เรียบร้อย ตั้งแต่ประกาศผู้ที่มีเจตจำนงมาสมัคร จากนั้นให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้ความเห็นอีก

ก่อนจะให้กรรมการบริหารพรรคมีความเห็นอีกครั้งฉะนั้นใครจะมากล่าวอ้างว่า จะมาเป็นสมาชิกพรรค ผู้สมัครพรรค หมายเลขนั้น หมายเลขนี้ ถ้าไม่ผ่านกระบวนการสรรหา และกรรมการบริหารพรรค เราไม่รับรู้รับทราบใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วนการกล่าวอ้างว่าได้หารือกับนายเกรียง รองหัวหน้าพรรคด้วยนั้น แล้วแต่เขาจะอ้างหรือไม่ ก็ไม่ผลต่อการตัดสินของกรรมการบริหารพรรค และกรรมการสรรหา รวมถึงตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่ต้องให้ความเห็นมา ดังนั้นไม่ว่าจะอ้างชื่อใครก็แล้วแต่ โดยเฉพาะเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค หรือบุคคลที่อยู่ในพรรค จึงเป็นได้แค่ข้อกล่าวอ้างทั่ว ๆ ไป

นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า การจะพิจารณารับนายวิฑูรย์ต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ หากจะเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมาพิจารณาว่าจะจัดลำดับอย่างไร ถ้ามีเงื่อนไขหรือข้อเสนอที่เรารับไม่ได้กรรมการบริหารพรรคก็รับไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นประเด็นที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย ก็จะเป็นข้อพิจารณาอย่างแรกทำให้กรรมการสรรหาไม่รับพิจารณาด้วยซ้ำ


“ถ้าเจตนาเขาต้องการทำให้พรรคเราเสียหาย ทั้ง ๆ ที่เป็นนักการเมือง รู้ตัวบทกฎหมายอยู่ การนำมาพูดแบบนี้มันเป็นเงื่อนไข แต่ไม่ได้ต้องการมาอยู่กับพรรคเราหรือไม่เราก็ไม่รู้ แต่เมื่อตีความดูเจตนาต้องการทำให้พรรคเราเสียหาย ซึ่งเราไม่รับรู้รับทราบอะไรเลย” นพ.ชลน่านกล่าว