ภาระร้อน รมต.ป้ายแดง ล้างท่องบประมาณ อัดฉีดเศรษฐกิจรากหญ้า

รายงานพิเศษ

การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งขาติ (คสช.) หรือ “ครม.บิ๊กตู่ 5” ได้สร้าง “ความหวังใหม่” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์-องคาพยพ ในการนำพา “รัฐนาวา” แล่นผ่านมรสุมปัญหาปากท้อง-การเมืองในช่วง “ขาลง” ให้ได้ “ไปต่อ”

18 ตำแหน่ง 10 รัฐมนตรี “ป้ายแดง” ประจำการ เป็น “ลมใต้ปีก” รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-การเมือง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 1 ปีที่เหลืออยู่ ตาม “โรดแมป” เลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 แม้ว่า คสช.ยังคง “ยื้อเวลา” ไม่ “ปลดล็อก” พรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้

ปม “เศรษฐกิจ” ยังคงเป็น “จุดตาย” ของรัฐบาล และเป็น “ทางลง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังการสลับสับเปลี่ยนกำลัง “ครม.ประยุทธ์ 5” กำจัด “จุดอ่อน” เสริมทัพ “จุดแข็ง” เพื่อ “เปิดทาง” ให้กับ “มืออาชีพ” เข้ามา “รีสตาร์ต” เศรษฐกิจที่ “ติดหล่ม” กับ “ศึกใน” รับมือ “ศึกนอก”

ชุบชีวิตเกษตรกร 30 ล้านคน

3 ใน 10 รัฐมนตรี “หน้าใหม่” ถูกฝาก “ความหวัง” ให้เข้ามา “ชุบชีวิต” เกษตรกรกว่า 30 ล้านคน ที่ประสบกับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยการส่งเสริมให้ปลูกพืชเกษตรที่ทำกำไรตามความต้องการของท้องตลาด เพื่อให้มีรายได้สูงขึ้น-ราคาสินค้าเกษตรสูงกว่าต้นทุนการผลิต ภายในปี 2561 “ขีดเส้น” เป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน

โดยมี “กฤษฎา บุญราช” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถือธงนำ และ “ลักษณ์ วจนานวัช” และ “อาจารย์ยักษ์” วิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีภารกิจ “เร่งด่วน” ในการแก้ปัญหาราคายางพารา “ดิ่งเหว” ให้กลับมาอยู่เหนือน้ำให้ได้ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวเป็นสถาบัน-องค์กรแปรรูป เพื่อไม่ให้กลไกผูกติดกับตลาดโลกมากเกินไป

โดยนายลักษณ์จะพบ “แกนนำ” เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศในวันที่ 6 ธันวาคม เพื่อเพิ่มการใช้ยางพาราในหน่วยงานรัฐ ให้ได้ 2 แสนตัน โดยจะพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมปลดล็อกระเบียบพัสดุนำยางไปทำถนนผสมกับยางมะตอย 12% เพื่อช่วยดึงยางออกจากระบบ

แย้มผุดแพ็กเกจแก้หนี้เกษตร

“ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังระดมสมองธนาคารรัฐและเตรียมประกาศแพ็กเกจใหญ่ ออกมาช่วยหนี้เกษตรกร พร้อมกับการฟื้นฟูอาชีพการเกษตร ในรูปแบบเฉพาะเจาะจงรายบุคคล โดยเที่ยวนี้จะทำให้ได้ผลชัดเจน มีการกำหนดแผนฟื้นฟูการประกอบอาชีพรายบุคคล อยู่ในแผนมาตรการแก้หนี้สินเกษตรกรทุกอาชีพ” นายลักษณ์แย้ม “ไม้เด็ด”

ขณะที่ “อาจารย์ยักษ์” ได้มอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และการน้อมนำ “ศาสตร์แห่งพระราชา” มาเป็นหางเสือให้กับเกษตรกรครบวงจร ทั้งดิน น้ำ ป่า อาทิ กรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน โดยงาน “เร่งด่วน” ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน

“โจทย์ยาก” บริหารจัดการน้ำ

ด้าน “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ภายหลังหลุดจากเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะเข้ามารับ “โจทย์ยาก” ในการกำกับสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกำกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงสาธารณสุข

“อดุลย์” แก้แรงงานต่างด้าว

ขณะที่ “งานหิน” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยัง “เรื้อรัง” คือ การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ได้ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” มากุมบังเหียนกระทรวงแรงงาน ปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยต้องเร่งรัดแรงงานต่างด้าวกว่า 1.2 ล้านคนทั่วประเทศ จาก 2 ล้านคน เข้าระบบศูนย์ตรวจสัญชาติแรงงานต่างด้าว (ศูนย์ OSS) ให้ทันภายในวันที่ 30 มีนาคม 2561

ด้านการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็น “หัวใจ” ของการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ได้ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” รมช.คมนาคม ในฐานะอดีตผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะมารับบท-ช่วย หอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ท่าเรือ

โรงไฟฟ้าถ่านหิน “เผือกร้อน”

“เผือกร้อน” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่แตะเมื่อไร “ร้อนฉ่า” ขึ้นมาทุกครั้ง จน “สายแข็ง” อย่าง “พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์” อดีต รมว.พลังงาน ยังต้องถอยร่นเกือบ “เพลี่ยงพล้ำ” ทั้งเรื่องการซื้อไฟ-พ่วงน้ำจากเขื่อนสตึงมนัม ของกัมพูชา การเปิดสัมปทานรอบที่ 21 แหล่งเอราวัณ-บงกช และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้

งานนี้ได้ “ศิริ จิระพงษ์พันธ์” มาเป็น รมว.พลังงาน โดยจะเข้ามาวางแปลนพลังงานให้สอดคล้องยุทธศาสตร์นโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” การประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565-2566 (เอราวัณ-บงกช) และความมั่นคงด้านไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย

ขณะที่กระทรวง “ดราม่า” น้ำตาท่วมจอ อย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” โควตาฝ่ายการเมือง มาเป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มี “งานใหญ่” ในการ “ปลุก” การท่องเที่ยวชนบทให้ “บูม” ขึ้นมาเป็นพระเอกให้กับภาคเศรษฐกิจให้มากขึ้นอีกครั้ง เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนถึง 20% ของจีดีพีให้พุ่งสูงขึ้น

ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ “สมชาย หาญหิรัญ” อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็น รมช.อุตสาหกรรม รับบทกระตุก-กระตุ้นข้าราชการภายในกระทรวง โดยเฉพาะการยกระดับผู้ประกอบการ SMEs

“สุวิทย์” ทรานส์ฟอร์ม SMEs

ขณะที่ “ทีมสมคิด” ที่มา “รับส่งลูก” ภารกิจ-วาระแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนการ “ปฏิรูปประเทศ” โดย “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มา “รับช่วง” เลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) แทน “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ที่ขยับไปเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

นอกจากนี้ยังได้รับมอบหมายให้ดู สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ส่วน “สุวิทย์” รมว.วิทยาศาสตร์ฯ จะนำนวัตกรรมใหม่สร้างเศรษฐกิจฐานรากเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” โดยเฉพาะเกษตรกร ให้เป็น “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” และ “สตาร์ตอัพ” รวมทั้งการ “ทรานส์ฟอร์ม” ผู้ประกอบการ SMEs ให้ก้าวไปอยู่บนเวทีโลก

“บิ๊กช้าง” สานปรองดอง

ปม “การเมือง” ที่รัฐบาลยัง “แก้ไม่ออก” คือ การสร้างความ “ปรองดอง” ถึงแม้ว่าจะ “ลงทุน-ลงแรง” เทียบเชิญ “นักการเมือง-แกนนำม็อบ” ร่วมโต๊ะ “เจรจา” ภาษาดอกไม้ใน “ค่ายทหาร” จนออกมาเป็น “คัมภีร์ปรองดอง” ทว่ายังถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชัก-ทิ้งไว้เป็นปริศนาว่า “ข้อตกลง” ที่จะนำไปสู่ความปรองดองเป็นอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ จึงส่ง “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มานั่งเก้าอี้ รมช.กลาโหม รวมถึงงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะ “รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษรัฐบาล”

ขณะที่ “สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ” อดีต รมว.ยุติธรรม คืน “ถิ่นเก่า” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะได้กลับมา “รับงานเก่า” ในการ “ปฏิรูปศาสนา” ดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

ด้าน “บิ๊กโย่ง” พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมาทำตามฝัน-ทำงานเพื่อสังคม ที่ พล.ต.อ.อดุลย์เคยทำไว้ โดยเฉพาะ หัวหน้าภาครัฐในคณะ “สานพลังประชารัฐ” เพื่อสังคม ที่มี “โปรเจ็กต์ยักษ์” ในการแก้ไขปัญหา “ความเหลื่อมล้ำ” ทุกช่วงอายุ

ขณะที่การเขย่า-แบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีใหม่ ถึงเวลาที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะสามารถคอนโทรลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา-8 กระทรวงเศรษฐกิจได้อย่างเบ็ดเสร็จ

“ครม.ประยุทธ์ 5” จึงเป็น “ดรีมทีม” ให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ “บินสูง-ติดลมบน” กลับมาเป็น นายกรัฐมนตรี (คนนอก) อีกครั้ง