5 เครือข่ายผนึกกำลังบุกทำเนียบ ทวงนโยบาย พปชร. 3 ข้อเรียกร้อง

5 เครือข่ายผนึกกำลังบุกทำเนียบ ทวงนโยบาย พปชร. 3 ข้อเรียกร้อง

5 เครือข่าย ผนึกกำลังบุกทำเนียบ ทวงนโยบายพรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องมาตรการแก้ปัญหาปากท้อง พร้อมยื่นข้อเสนอ 3 ประการ

วันที่ 18 มกราคม 2565 มติชน รายงานว่า ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล 5 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, องค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกลุ่มทะลุฟ้า ร่วมจัดการชุมนุมเพื่อติดตามการยื่นข้อเสนอแก้ปัญหาปากท้อง เรียกร้องมาตรการเร่งด่วนเพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม พร้อมแฮชแท็ก #ม็อบ18มกรา65 โดยมีข้อเสนอ 3 ประการ ดังนี้

  1. ลดค่าใช้จ่าย ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ลดค่าเทอม 50 เปอร์เซ็นต์
  2. เพิ่มรายได้ เบี้ยคนชราเดือนละ 3000 บาท เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 425 บาทสงเคราะห์บุตรเดือนละ1200 บาท
  3. ลดราคาสินค้า แก้ปัญหาผูกขาด ตรวจสอบการปกปิดข้อมูลโรคระบาดหมูและกักตุนสินค้า เยียวยาค่าเสียหายให้เกษตรกร

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 10.00 น. มีประชาชนเริ่มเดินทางมาร่วมเรียกร้อง โดยบริเวณหน้าทำเนียบมีการวางแผงเหล็กปิดกั้นไว้และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 10 นายยืนตรึงกำลังอยู่ บริเวณตรงข้ามทำเนียบมีประชาชนยืนถือป้ายข้อเรียกร้องต่าง ๆ โดยมีข้อความ อาทิ ‘ระบบขนส่งมวลชน ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ’ ‘ตอบแทนคุณแผ่นดิน เพิ่มเบี้ยชราเดือนละ 3,000 บาท’ และ ‘TAX ลดการครองชีพ-คุมราคาสินค้า ลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 5%’ เป็นต้น

เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้งได้ประกาศว่าการรวมตัวในวันนี้มีความผิดตามพรก.ฉุกเฉินในการมั่วสุมและรวมตัว และในบริเวณถนนพิษณุโลกตั้งแต่แยกพาณิชยการจนถึงแยกสวนมิสกวันมีการปิดถนน ห้ามใช้เส้นทางชั่วคราว การนำรถเครื่องเสียงเข้ามาในบริเวณแยกพาณิชยการนั้นเป็นการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ประชาชนทำกิจกรรมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยมีเสียงของประชาชนตะโกนอยู่ตลอดการประกาศว่า ‘ขี้ข้าเผด็จการ’

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยกล่าวว่าการขัดขวางของตำรวจเป็นการขัดขวางเสรีภาพของประชาชน ประชาชนเดือดร้อนต้องการที่จะมาร้องเรียนต่อรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาทุกยากของประชาชน เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า วันนี้จะมีการจัดกิจกรรมชุมนุมโดยสงบ เพื่อยื่นหนังสือต่อรัฐบาลในการเรียกร้องให้แก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน

น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนกล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะทำลายประเทศด้วยการบริหารผิดพลาด หมูราคา 300 บาทต่อ1 กิโลกรัมไม่เคยมี มีรัฐบาลชุดนี้ชุดเดียว ที่เอื้อกับกลุ่มทุนและการผูกขาด แล้วเกษตรกรรายย่อยได้ตายกันหมด ถ้าวันนี้รัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุดไม่แก้ปัญหาที่แท้จริง แล้วประเทศนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร

“เงินเดือนค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ว่าจะเพิ่มค่าแรงเป็น 425 บาทต่อวัน คนที่จบป.ตรี ต้องได้เงินเดือน 20,000 บาท เด็กจบอาชีวะต้องได้ 18,000 บาท จนจะเลือกตั้งใหม่แล้วรัฐบาลยังไม่ทำตามนโยบายเลย” น.ส.ธนพรกล่าว

เวลาประมาณ 11.00 น. ชายตัวแทนเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเพื่อทวงถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าตลอดระยะเวลาที่ทำรัฐประหารจนขณะนี้ระยะเวลาผ่านมาเกือบ 8 ปีแล้ว ซึ่งได้ทำลายระบอบประชาธิปไตยและเข้ามาบริหารประเทศนั้นส่งผลให้ประเทศย่อยยับ

“วันนี้หมูขึ้นราคา 270 บาท ผมในฐานะแรงงานก็เลยอยากมาสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจและแต่งตั้งคนของตัวเองมาร่างรัฐธรรมนูญ 8 ปีที่ผ่านมาที่พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศนั้น เขาปรับค่าจ้างขั้นต่ำไป 30 กว่าบาท ค่าครองชีพมันถีบตัวสูงขึ้นไปขนาดไหนแล้ว จากหมูกิโลละไม่ถึง 100 บาท วันนี้เกือบ 300 บาท

แต่ค่าจ้างขั้นต่ำไม่มีการปรับขึ้น เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท วันนี้ค่าแรงขั้นต่ำยังอยู่ที่ 336 บาทสูงสุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ขอความกรุณาช่วยทำด้วย พี่น้องแถวบ้านผมเขาฝากมาว่าถ้าทำไม่ได้ให้ออกไปเพราะเขาเดือดร้อน พี่น้องแรงงานก็ฝากมาหลายส่วนว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสามารถและไม่เข้าใจการบริหารปัญหา พี่น้องประชาชนก็ขอให้ออกไป” ตัวแทนเครือข่ายแรงงานฯกล่าว และได้นำป้ายไวนิลนโยบายของพรรคพลังประชารัฐมาเปรียบเทียบค่าแรงขั้นต่ำ” ตัวแทนเครือข่ายแรงงานฯกล่าว

ต่อมา เวลา 12.15 น. กลุ่มทะลุฟ้ามอบลูกหมูแก่รัฐบาล เพื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ให้เร่งแก้ปัญหา ‘หมูแพง’