ขิงไทยโดนกดราคา “ธนาธร” เผยหน้าสวนขายได้แค่ 4 บาท

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” สะท้อนปัญหาขิงโดนกดราคา หน้าสวนขาย 4 บาทต่อ กก. ขณะที่ส่งออกญี่ปุ่นราคาพุ่ง 580 บาทต่อ กก. ตั้งเป้านำขิงไทย สู่ตลาดโลก

วันที่ 25 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ที่เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในหัวข้อเรื่อง “เรื่องขิง ๆ : ปัญหาปากท้องกับการเมืองท้องถิ่น)

นายธนาธรระบุว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เริ่มทำงานกับ อบต.ของคณะก้าวหน้าในหลายจังหวัดทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ โดยในวันนี้ได้เดินทางมาที่ ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มาพบปะปรึกษางานกับนายก อบต.เข็กน้อย คุณนราพงษ์ ทรงสวัสดิ์วงศ์ และทีมผู้บริหาร อบต.

เข็กน้อยเป็นพื้นที่ปลูกขิงใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ประชาชนมากกว่าครึ่งที่นี่ปลูกขิงเป็นพืชหลัก ปีที่แล้วราคาหน้าสวนได้กิโลกรัมละ 20 บาท มาปีนี้ราคาตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 4 บาทเท่านั้น จากการกดราคาจากพ่อค้าอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรขิงขาดทุนเป็นจำนวนมาก

จากราคาหน้าสวนกิโลกรัมละ 4 บาท ไปอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง ขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท เมื่อไปอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่กรุงเทพ เป็นกิโลกรัมละ 69 บาท และเมื่อไปถึงตลาดค้าปลีกที่ประเทศญี่ปุ่น ราคากิโลกรัมละ 580 บาท

นายกฯ นราพงษ์ รู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมกับพี่น้องเกษตรกร ที่ต้องมาถูกกดราคาอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ จึงหาวิธีช่วยเหลือชาวบ้าน ด้วยการจัดงาน “มหกรรมขิงแห่งชาติ” ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถค้าขายได้โดยตรงกับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สัญจรผ่านไปมา

ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการจัดมหกรรมขิงขึ้น ซึ่งนายกฯ นราพงษ์ ตั้งใจว่าจะจัดขึ้นทุกปี เพื่อสร้างความครึกครื้นให้กับทั้งเกษตรกรและผู้ค้าใน ต.เข็กน้อย เพื่อทำให้คนเห็นถึงศักยภาพทางการแพทย์ของขิง ไม่ว่าจะเป็นการขับลม หรือการละลายลิ่มเลือด และเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรมีหน้าร้านของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาการระบายสินค้าช่องทางเดียว

ในปีนี้ เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของโควิด บวกกับนายกฯ นราพงษ์ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งมาได้สองสัปดาห์ มีเวลาประชาสัมพันธ์มหกรรมได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ต้องนับว่านี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรกของ อบต.คณะก้าวหน้าใน ต.เข็กน้อย ที่ต้องการให้เกษตรกรมีช่องทางการขายมากขึ้น

นอกจากนี้ คณะก้าวหน้ายังจะทำงานรวมกับ อบต.เข็กน้อย เพื่อหาช่องทางให้เกษตรกร ได้เป็นผู้นำขิงไทยสู่ตลาดโลกโดยตรงด้วย

จากข้อมูลของกรมศุลกากร ประเทศไทยส่งออกขิงและผงขิงสำเร็จรูปในปี 2564 เป็นมูลค่าถึงประมาณ 1,600 ล้านบาท (พิกัดกรมศุลกากร HS09101100) และ HS09101200) โดยมีตลาดส่งออกใหญ่อันดับหนึ่ง คือ ปากีสถาน (739 ล้านบาท) อันดับสอง คือ ญี่ปุ่น (434 ล้านบาท)

ประชากรเข็กน้อยมากกว่า 90% เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งชาวม้งจากประเทศไทยหลายคนได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ อยู่กันเป็นชุมชน เช่นในสหรัฐและออสเตรเลีย เราจะลองใช้ศักยภาพชุมชนชาวม้งในต่างประเทศเพื่อเปิดตลาดขิงและผงขิงสำเร็จรูป เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุดในชุมชน

ไม่ต้องผ่านหลายมือ โดยให้สหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้ส่งออกเอง เช่น ที่วอลมาร์ทในสหรัฐ ขิงสองขีดขายอยู่ที่ 2.48 ดอลลาร์ หรือกิโลกรัมละ 400 บาท ต่างจากราคาหน้าสวนที่เข็กน้อยถึง 100 เท่า

ราคาขิงในญี่ปุ่นจาก http://amazon.co.jp ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,700 เยน หรือประมาณ 493 บาท ห่างกันถึง 123 เท่าจากราคาหน้าสวนที่เข็กน้อย

หากใครบังเอิญได้ขับรถผ่านไปผ่านมาบนถนนทางหลวงหมายเลข 12 จากพิษณุโลกไปหล่มสัก ขอเชิญชวนทุกท่านมาสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกขิงของเรา นี่คือโอกาสที่ท่านจะได้ขิงคุณภาพในราคาถูกยิ่งกว่าที่ไหน เป็นการช่วยเกษตรกรให้ไม่ต้องเป็นหนี้สิน ราคาขิงเทศกาลนี้ขายที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม โดยในปีต่อ ๆ ไป หากการแพร่ระบาดของโควิดลดลง นายกฯ นราพงษ์ยังมีความตั้งใจจะจัดงานให้ครึกครื้นและยิ่งใหญ่กว่านี้ด้วย

ส่วนท่านใดที่มีประสบการณ์ส่งออกพืชผักผลไม้ หรือสมุนไพรไทยไปต่างประเทศ อยากช่วยขายหรือแนะนำช่องทางส่งออก สามารถส่งข้อความโดยตรงหาผมได้ทาง inbox ของเพจนี้นะครับ

พวกเราคณะก้าวหน้า ขอยืนยันในความตั้งใจจริงของพวกเรา ที่ต้องการใช้การเมืองท้องถิ่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ประเทศไทยดีกว่านี้ได้ครับ

ปล.ฝากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตรวจสอบด้วย ว่ามีการฮั้วกันของบริษัทผู้รับซื้อหรือไม่ เพราะการที่ราคาลงมาจาก 20 บาทเหลือเพียง 4 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากเหลือเกิน ร่วมกันเป็นหูเป็นตาให้เกษตรกรด้วยครับ