
พลังประชารัฐ-พรรคกล้า หาเสียงวันสุดท้าย อรรถวิชช์ ย้ำ อย่าให้เสียงแตก “เจ้หลี” เมิน คะแนนแฟนคลับ กปปส. เทไปฝั่งพรรคกล้า
วันที่ 29 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมจตุจักร – หลักสี่ เบอร์ 2 พรรคกล้า ปล่อยขบวนรถหาเสียง ออกไปตามแขวงต่างๆ ในเขตเลือกตั้งซ่อมฯ เพื่อหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย โดยช่วงเช้านายอรรถวิชช์ ขึ้นรถแห่ไปที่ตลาดประชานิเวศน์ และแห่รถไปทั่ว 3 แขวงในเขตจตุจักร ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ก็ช่วยหาเสียงในพื้นที่หลักสี่ โดยช่วงบ่ายทั้งสองทีมก็จะสลับพื้นที่กันหาเสียงทั้งหลักสี่และจตุจักร ให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 18.00 น. ตามที่กฎหมายเลือกตั้งกำหนด
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- เปิดค่าตอบแทน “ผู้บริหาร” ยักษ์ บจ. BBL จ่ายพันล้านต่อปี ทิ้งห่างคู่แข่ง
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ที่มาหาเสียงตลาดประชานิเวศน์วันสุดท้าย เพราะเป็นพื้นที่แรกที่ตนเองเคยหาเสียงในชีวิตการเมืองเมื่อ 17 ปีที่แล้ว น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ตนเองนอนอยู่สวนสามเหลี่ยมประชานิเวศน์ ที่อยู่เยื้องๆ ตลาด เป็นย่านที่ผูกพันกันมานาน และการเปิดตัวเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็มาตลาดประชานิเวศน์เป็นที่แรก เลยถือฤกษ์ถือชัยกลับมาหาเสียงวันสุดท้ายที่นี่
ส่วนแผนการหาเสียงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ก็ถือว่าไปได้ครบทุกที่แล้ว วันนี้เป็นการหาเสียงกระตุ้นวันสุดท้าย ขอบคุณพี่น้องพรรคกล้าทั้งสมาชิกและผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งที่มาช่วยกัน เราเชื่อว่าคะแนนจะอยู่ใน 2 อันดับแรก จึงขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งว่า ขออย่าให้เสียงแตก ให้คะแนนมาที่พรรคกล้าช่วงโค้งสุดท้าย
นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า ที่นั่ง ส.ส. 1 ที่นั่ง กับภารกิจที่เหลืออีก 1 ปี ตั้งใจเข้าไปประสานงานหลายภาคส่วน ให้เกิดการแก้ปัญหาคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว คลองระบายน้ำ เป็นเรื่องที่ตั้งใจจะทำที่สุด เพราะเหลือเวลาปีเดียว ต้องทำในสิ่งที่มีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ในส่วนที่ติดขัดก็ต้องเข้าไปเจรจา
นายอรรถวิชช์ ย้ำว่า ในการปราศรัยใหญ่ คนมองว่าพรรคกล้าพยายามแสดงจุดยืนว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลนั้น การเลือกตั้งคราวนี้ ไม่ว่าพรรคใดได้รับเลือกตั้ง ไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หากพรรคกล้าได้เข้าสภาฯ ถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่มีเรื่องคอรัปชั่น ก็โหวตให้อยู่แล้ว แต่ทั้งหลายทั้งปวง ต้องยึดผลประโยชน์ประชาชนสูงสุด เพราะพรรคกล้าเราไม่ได้ทำงานให้พลเอกประยุทธ์มีความสุข แต่จะทำให้ประชาชนมีความสุข ในห้วงเวลา 1 ปีที่เหลืออยู่
นายอรรถวิชช์ ย้ำว่า พรรคกล้าเป็นพรรคเศรษฐกิจ ที่เสนอการเมืองคุณภาพในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะอยากให้ตัดสินใจเลือกตั้งโดยวัดกันที่คุณภาพ ไม่เลือกเพราะความเกลียดความกลัว ถ้าพรรคกล้าผ่านจุดนี้ไปได้ เชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ใหม่การเมืองไทย 30 มกรา กาเบอร์ 2 การเมืองเปลี่ยน
ฟากนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่บริเวณตลาดริมบึง ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อพบปะกทายและขอคะแนนเสียงจากพ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายในตลาดช่วงเช้า โดยได้รับการตอบรับจากคนในพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งพื้นที่นี้ถือเป็นพื้นที่หลักของนายสิระในช่วงปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.ด้วย
นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนกำลังใจดี ประชาชนที่ตนได้ไปเจอทุกคนสัญญาว่าจะเลือกเบอร์7 เราไม่มีความกดดัน เพราะจากผลงานที่ผ่านมา ทุกคนก็อยากให้เราทำงานต่อ และมั่นใจว่าเราจะสามารถดูแลพวกเขาได้
เมื่อถามว่าประชาชนอยากได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า ประวัติการทำงานของตนที่ผ่านมารวมถึงการศึกษาที่จบระดับปริญญาโทก็ถืออยู่ในระดับดี ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าผู้สมัครรายอื่น รวมถึงความมุ่งมั่นในการดูแลทำหน้าที่แทนประชาชน ก็ไม่เคยเกี่ยงงานไม่เคย หรือบ่นว่าเหน็ดเหนื่อย ตนเชื่อว่าประชาชนต้องการคนที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือ แก้ปัญหา และคอยประสานงานดูแลพวกเขาได้ จุดเด่นตรงนี้เรามั่นใจว่าประชาชนรักและเลือกเรา
เมื่อถามถึงคะแนนครั้งที่อาจจะมาจากนายสกลธี ภัททิยกุล นายสิระ กล่าวว่า อย่างมาอ้างว่าเป็นคะแนนของใคร ประชาชนคือประชาชน ไม่ใช่ประชาชนของใคร ถ้าเขามั่นใจทำไมถึงไม่ลงรับสมัครเป็น ส.ส.ด้วยตนเอง ถ้าคิดว่าเก่ง ประชาชนจะเลือก ก็มาลงเองเลย ตนเห็น เป็นรองผู้ว่า กทม.มาตั้งนาน เคยลงพื้นที่หลักสี่กี่ครั้ง ตนไม่สนใจใคร วันนี้ตนยึดโยงกับประชาชน ที่ผ่านมาตนและนางสรัลรัศมิ์แก้ไขปัญหาให้ประชาชนทุกเรื่อง ปัญหาทุกอย่างจบที่สิระและมาดามหลี ไม่เคยปฎิเสธ
“ตั้งแต่หาเสียงนางสรัลรัศมิ์ไม่เคยโจมตีผู้สมัครรายอื่นแม้แต่ครั้งเดียว นี่คือการเมืองสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ประชาชนรับรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผู้สมัครรายอื่นอย่าแพ้แล้วโจมตี เหมือนครั้งที่แล้ว ที่เคยสัญญาบนเวทีกันไว้ว่าจะไม่ฟ้องร้องกัน แต่พอแพ้กลับรีบไปฟ้องทันที
ผมขอฝากไปยังพลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ ที่มีการมาติดป้ายให้เลือกคนดี ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้สมัคร ว่าท่านเป็นถึงที่ปรึกษาผู้ว่า กทม.มานานไม่รู้กฎหมาย พรบ.ความสะอาด หรือ จริงๆแล้วสำนักงานเขตหลักสี่ต้องดำเนินคดีกับท่านด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่บอกให้ถอดป้ายออก ถ้าพี่แต้มคิดว่าตัวเองเป็นคน ทำไมถึงไม่ลงรับสมัครเอง”นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวทิ้งท้ายว่า ครั้งนี้นางสรัลรัศมิ์จะได้คะแนนเสียงมากกว่า 35,000 คะแนนแน่นอน เพราะครั้งนี้ประชาชนรู้แล้วว่าเราดูแลพวกเขามาอย่างไร ครั้งที่แล้วตนชนะเลือกตั้งได้เข้าไปเป็น ส.ส.ก็เพราะนางสรัลรัศมิ์ ซึ่งประชาชนชาวหลักสี่-จตุจักร ได้เห็นการทำหน้าที่ของนางสรัลรัศมิ์ ตลอดระยะเวลาที่ตนปฎิบัติหน้าที่อยู่ในสภา