ประยุทธ์ เนื้อหอม อียู เข้าพบเร่งเจรจา FTA ไทย-อียู

ประยุทธ์ เนื้อหอม อียูเข้าพบ – รับรอง “หมอพร้อม” ใช้เป็นหลักฐานเดินทางในยุโรป เร่งเจรจา FTA ไทย-อียู

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเดวิด เดลี (H.E. Mr. David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ว่า

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ที่ได้เข้ารับตำแหน่ง เชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ที่มีความความคุ้นเคยกับประเทศไทยจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสานต่อความร่วมมืออีกหลากหลายสาขาในอนาคต และช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งช่วยเปิดมุมมองใหม่ในสาขาที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่สหภาพยุโรปมีมติยอมรับเอกสารรับรอง Thailand Digital Health Pass บนระบบ ‘หมอพร้อม’ ให้ใช้เป็นหลักฐานในการเดินทางในยุโรปได้เทียบเท่ากับกับ EU Digital COVID Certificate (EU DCC) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการฟื้นฟูการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างกัน

ด้านเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ยินดีที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนการทำงานมาตลอด โดยแสดงความชื่นชมการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาลไทย พร้อมเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งทางสหภาพยุโรปยินดีให้การสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ ยังได้แสดงความยินดีต่อการเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2022 ของไทยซึ่งเป็นบทบาทของไทยในเวทีโลก เชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายความร่วมมือทางการค้าการลงทุนและสามารถต่อยอดไปถึงภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งนี้ ขอให้ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงสหภาพยุโรปในทุกความร่วมมือ เพราะยุโรปมีศักยภาพทั้งด้านการค้า การลงทุน เทคโนโลยี และอื่นๆ

โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้

– ด้านยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งไทยยินดีมีส่วนร่วมกับยุทธศาสตร์ฯ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ท้าทายในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ทะเล การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่จะมีความร่วมมือกันได้ต่อไป

– ด้านความตกลงทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน โดยได้หารือถึงกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement – PCA) ซึ่งมีความก้าวหน้าต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายประสงค์ให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ซึ่งทางเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ มองว่า ไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาค ที่จะส่งผลประโยชน์ร่วมกันได้

– ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำการให้ความสำคัญต่อการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-EU โดยจะเร่งการเจรจาและกำหนดระดับเป้าหมายของ FTA ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ได้แลกเปลี่ยนหารือในประเด็นที่อยู่ในความสนใจอย่างสร้างสรรค์ โดยเป็นการหารืออย่างเปิดกว้าง ตรงไปตรงมา และขึ้นกับหลักการความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายยืนยันความตั้งใจที่จะให้ความขัดแย้งในโลกยุติลงด้วยการเจรจาโดยสันติ และพร้อมที่จะใช้กรอบความร่วมมือที่มีให้เป็นประโยชน์เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในโลก


ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ได้กล่าวติดตามคำเชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงาน High-level event ‘Thailand-EU Partners in Business’ ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาคำเชิญด้วยความขอบคุณ และหากเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ มีข้อห่วงกังวลเรื่องใด สามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ พร้อมจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี