สุชาติจบศึกบ้านใหญ่ชลบุรี ยันไร้ปัญหา “สนธยา” แขวะอาจมีคนข้าง ๆ พูดเอง ยันเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ยอมรับถ้าอยู่คนละพรรคก็ต้องแข่งขันกัน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.จังหวัดชลบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งกับนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาตามรายงานของข่าวสด ว่า เรื่องนี้คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ใครที่มีเป้าหมายเสียสละทำงานเพื่อประชาชน ถือว่ามีเป้าหมายเดียวกันหมด ก็ถือว่าเราจบแล้ว ก็มาบริหารจัดการพื้นที่แต่ละจังหวัดก่อน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ส่วนจังหวัดชลบุรี นั้นได้ให้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งแล้วว่า ถ้าอุดมการณ์และแนวทางตรงกัน ก็ไปได้ด้วยกัน เพราะเรื่องของการเมืองถ้าเป้าหมายเดียวกันเพื่อสนับสนุน ผู้นำและพรรคการเมืองเดียวกัน ก็อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง ถ้าอยู่กันคนละพรรคก็ต้องแข่งขันกัน ก็ถือเป็นประชาธิปไตยที่สวยงามอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นจะต้องมีการเคลียร์กันหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะมองกันคนละมุม แต่เราก็เคยอยู่ด้วยกันไม่ได้มาทะเลาะกันนะอย่างที่หลาย ๆ คนพูดยืนยันว่าไม่ถึงขนาดนั้น บางครั้งอาจเป็นเรื่องที่มองกันคนละมุมทำให้ความน้อยอกน้อยใจของบางคนเกิดขึ้น ความจริงเราก็เหมือนเป็นพี่น้องกันที่คลานตามกันมา เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันเหมือนกันทำธุรกิจ ถ้าบริหารและไม่ตรงกัน ต่างคนก็ต้องต่างออกกันไปอยู่คนละบริษัท แต่ความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่เพราะไม่ได้มีการทะเลาะกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธยาออกมาระบุว่า รู้ที่ไป แต่ไม่รู้ที่มา หมายความว่าอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า “คงไม่ใช่ผมอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นอย่างที่มีใครออกมาพูด อย่าลืมว่านักการเมืองไม่มีใครที่จะร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เห็นกันอยู่บางคนก็ไปในที่ที่กาลเวลามันใช่ หรืออย่างวันนี้ผมมีสถานการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐให้โอกาส โดยเฉพาะจากหัวหน้าพรรค มีโอกาสจากนายกรัฐมนตรี ผมก็ต้องยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งใครถ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่เมื่อผมยืนอยู่ตรงนี้ก็ต้องมองตัวเองเป็นหลักและไม่กล้าไปมองแทนคนอื่น” นายสุชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานภาพยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้ก็ยังถือว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน เคยอยู่ด้วยกัน ยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทะเลาะกันอย่างที่หลายคนคิด แค่เป็นการสะท้อนมุมมองของแต่ละข้างออกมา และวิเคราะห์กันเท่านั้นเอง ส่วนตัวคิดว่าสุดท้ายแล้วการเมืองอยู่ที่เป้าหมายสุดท้ายของแต่ละคน
ถ้าเป้าหมายตรงกันและจะจับมือกันพัฒนาประเทศและจังหวัดชลบุรีให้เป็นแนวทางเดียวกัน รวมทั้งสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ในวันข้างหน้า ให้อยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ไปด้วยกันได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เราก็ไม่สามารถที่จะไปกำหนดทิศทางของใครได้ เพราะเราต้องเคารพความคิดของแต่ละบุคคล แล้ววันนี้อย่าเพิ่งถามถึงอนาคตเพราะยังมาไม่ถึงเพียงแต่วันนี้เรายืนหยัดว่าเรายืนอยู่ตรงนี้
เมื่อถามว่าได้มีการเคลียร์กัน ได้เจอหน้ากันแล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติปฏิเสธว่า ไม่ได้เคลียร์กัน อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าเราเคยอยู่ด้วยกันเป็น หลาย 10 ปี รู้นิสัยกันอยู่ว่าไม่ได้มีอะไรกับนายสนธยา ซึ่งท่านอาจจะพูด เพราะอาจมีใครข้าง ๆ ไปพูดหรือทำอะไรให้คิดอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม ที่มีการพูดกันไปมาก็เป็นการสะท้อนให้เห็นแล้วว่าเหมือนพี่กับน้อง ที่ไม่ได้คุยกันมานาน นายสนธยาเองก็เป็นนายกเมืองพัทยา ส่วนผมมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้พูดคุยกับนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมอยู่แล้ว ยืนยันเราไม่ได้มีอะไร
นายสุชาติ กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมตัวผู้สมัครในจังหวัดชลบุรีเพื่อลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ ในฐานะที่รักษาการในตำแหน่ง ผอ.พรรค พล.อ.ประวิตรได้สั่งการอยู่แล้ว ซึ่งโดยภารกิจของตำแหน่งก็ได้ปรึกษากับนายอิทธิพลมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ปรึกษากับนายสนธยา เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คงจะไปปรึกษาท่านไม่ได้
เมื่อถามว่า นายอิทธิพล ตัดสินใจลง ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร.หรือยัง นายสุชาติ กล่าวว่า นายอิทธิพลเป็นพี่ และเป็น ส.ส.มาก่อน พี่น้องกัน เดี๋ยวเราคุยกันได้ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน เกิดตำบลเดียวกัน โดยหลักการเราก็ต้องเว้นที่ให้ผู้สมัครเดิมถือเป็นมารยาทและต้องให้สิทธิคนเดิม ๆ ก่อน ไม่เช่นนั้น จะอยู่อย่างสามัคคีได้ยังไง
เมื่อถามว่าครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นศึกสายเลือด “คุณปลื้ม” เพราะนายสมชาติ คุณปลื้ม ที่เป็นน้องชายของนายสมชาย คุณปลื้ม ย้ายมาอยู่กับกลุ่มของนายสุชาติ เรื่องดังกล่าวนายสุชาติ กล่าวชี้แจงว่า “สมัยก่อนผมเป็นเด็กที่สุด ที่อยู่กับนายสมชาย คุณปลื้ม ซึ่งเป็นบิดาของท่านสนธยา และผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกันผมให้ความนับถือทุกคน วันหนึ่งในทางการเมืองมีแค่ตำแหน่งเดียวในตำบลแสนสุข ขณะนั้นนายสมชาติลงสมัครในนามนายกเทศบาลเมืองแสนสุขแข่งกับน้องชายของนายสนธยาคนเล็ก ความอึดอัดใจก็เกิดกับพี่น้องทั้งตำบลเช่นกัน
ในเมื่อเขามาหาและให้กำลังใจเราก็ต้องตอบรับจะไปบอกว่าอย่ามาคงไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่บานปลายกลายเป็นศึกสายเลือด เมื่อปีที่ผ่านมานายสมชาติ คุณปลื้ม ลงแข่งนายกแสนสุขกับนายณรงค์ชัย คุณปลื้ม ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่มาเกิดเพราะตน
ยืนยันอีกครั้งว่า เป้าหมายของเราคือทำอย่างไรให้พรรคพลังประชารัฐเติบโตและเข้มแข็งเป็นพรรคและสถาบันการเมือง เพื่อให้หัวหน้าพรรคมีความสบายใจ และทำอย่างไรให้สมาชิกรวมถึง ส.ส.มีความสุขมีความเข้มแข็งในพื้นที่
รวมทั้งขยายพื้นที่เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ใครมีเป้าหมายเดียวกันก็อยู่ด้วยกันทั้งหมด ยืนยันไม่มีบันปลายคนเคยอยู่ด้วยกันเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน มาอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่
เมื่อถามว่าวันนี้หัวหน้าพรรคสบายใจหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไว้ใจอยู่แล้ว การทำงานการเมืองใครมีหน้าที่อะไรก็ทำตรงนั้น ซึ่งตนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้เนื่องจากพรรคการเมืองอื่นหรือผู้สมัครต่าง ๆ ก็มีการเปิดตัวไปหมดแล้ว แต่ในจังหวัดชลบุรีก็ยังรออยู่ก็เลยต้องรีบจัดเช่นกัน
“ความจริงผมได้พูดคุยกับคนใกล้ชิดของท่านสนธยาแล้วว่า โดยส่วนตัวไม่มีอะไรกับท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นมาอาจจะไม่ใช่ความคิดของท่านก็ได้ ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงและถือว่าจบแล้ว และเราเป็นน้องก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า ไม่อยากให้สื่อหรือคนอื่นมองว่าการเมืองเป็นเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งเพื่อตำแหน่งและผลประโยชน์”
“ยืนยันว่าการเมืองคือเรื่องของอุดมการณ์ การที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์อะไร วันนี้เราอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็เท่านั้นเอง วันนี้ผมบอกเลยว่าไม่มีอะไรกับพี่ ไม่มีอะไรกับท่านสนธยา แค่ผมมีอุดมการณ์และจุดยืนของผมก็เท่านั้นเอง”
“ผมมาวันนี้ได้ก็ต้องสู้รวมทั้งการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ต้องสู้ให้พรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่ ทำอย่างไรจะให้เสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีโดยพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เสนอเช่นเดิม”
นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับการวางตัวผู้สมัครต่าง ๆ นั้น ก็มีการวางตัวกันไว้อยู่แล้ว แต่ก็สามารถมีการปรับแต่งได้ แต่ไม่ได้คุยกับนายสนธยาเพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ตนต้องคุยกับนายอิทธิพลก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคุยนอกรอบอย่างไม่เป็นทางการ เราต้องคุยกับคนที่เป็นสมาชิกพักก่อนหรือทาบทามคนที่จะลาออกจากพรรคอื่นเพื่อมาอยู่กับเรา