“สุเทพ” ชี้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนซื้อเหล้าแถมเบียร์ ตัวสร้างปัญหา

สุเทพ เทือกสุบรรณ

“สุเทพ” ไม่เห็นด้วย แก้รัฐธรรมนูญลดอำนาจ ส.ว.  พร้อมระบุ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือน “ซื้อเหล้าแถมเบียร์” ตัวสร้างปัญหาให้ประเทศ

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 15.00 น. บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban สุเทพ เทือกสุบรรณ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP19

นายสุเทพกล่าวเริ่มต้นว่า วันนี้จะมาพูดเรื่องการเมืองในรัฐสภาในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ให้ความสนใจมาก คือที่มีผู้เสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะลดอำนาจวุฒิสมาชิก และเพื่อไม่ต้องการให้วุฒิฯมีสิทธิที่จะลงคะแนนเลือกนายกฯคนต่อไปหลังการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้น ตรงนี้มีคนพยายามมาก

อยากจะบอกว่า ตอนที่เขาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประชาชนทั้งหลายเรียกร้องจะต้องมีการปฏิรูปการเมือง และรัฐธรรมนูญฉบับนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ทำงานกันอย่างหนัก และเห็นว่านี่คือการปฏิรูปการเมืองของประเทศไทยที่สำคัญการที่มีบทบัญญัติในมาตราต่าง ๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ในประเด็นต่าง ๆ เป็นการปฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญ

นายสุเทพกล่าวต่อว่า เมื่อพูดถึงวุฒิสมาชิกในรัฐธรรมนูญปี 2560 ในมาตรา 107 เขากำหนดให้มีวุฒิสมาชิก 200 คน และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เลือกกันเอง และคนพวกนี้ ต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองและต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่เคยเป็นรัฐมนตรี หรือ ส.ส. หรือถ้าเคยเป็นมาแล้วต้องทิ้งช่วงอย่างน้อย 5 ปี

พูดง่าย ๆ คือว่า ตัดวุฒิสมาชิกออกจากความเกี่ยวข้องทางกับการเมือง หรือพรรคการเมือง และวุฒิสมาชิกเหล่านี้ จะไปทำหน้าที่สำคัญหลายประการ เช่น ไปเลือกคณะกรรมการต่าง ๆ เช่น กรรมการสิทธิมนุษยชน กรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งกรรมการ กกต. เพราะหากปล่อยให้ผู้แทนไปเลือกกันเอง กรรมการพวกนี้ก็จะไม่มีความเป็นกลางใช้ไม่ได้

นี่คือการพูดถึงหลักการใน รัฐธรรมนูญความเป็นกลางของวุฒิสมาชิกและวุฒิฯเป็นได้หนเดียว เลือกตั้งเสร็จเข้าไปอยู่ มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปีแต่เป็นได้ครั้งเดียว ประชาชนเดินไปทำหน้าที่ประชาชนในสภาครั้งเดียวแล้วกลับบ้านเลย ไม่เป็นได้อีกแล้ว ไม่เป็นวุฒิฯอาชีพ ไม่ใช่แบบนักการเมือง

นายสุเทพระบุว่า ตนชอบนะ และประชาชนส่วนใหญ่ก็ชอบ นี่จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจของผู้แทนฯ เรามีประสบการณ์กันมาแล้วว่ามีผู้แทนฯหลาย ๆ พรรค เข้าไปบางทีแล้วรวมหัวกันกลายเป็นแก๊งที่มีเสียงมากที่สุดในสภาฯออกกฎหมายล้างความผิดให้โจรก็ทำมาแล้วเลย บ้านเมืองวุ่นวายเราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นอีก

นายสุเทพกล่าวว่า จุดนี้เขาคงไม่เอามาวิพากษ์วิจารณ์หรือพยายามแก้ แต่บังเอิญในรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลเขียนเอาไว้ ว่าในช่วง 5 ปีแรก ให้วุฒิฯ ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ตรงนี้ที่พรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหลายไม่ชอบ แต่ตนชอบ และเชื่อว่าประชาชนต้องชอบ และจากการดูการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง และนักการเมืองที่ทำคิดแต่เรื่องตัวเอง คิดถึงแต่เจ้าของทุนและเจ้าของพรรค ไม่ได้คิดถึงเรื่องของประเทศชาติ หรือประชาชน

เพราะฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตนก็ยังเห็นด้วยกับผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดบทเฉพาะกาล บทนี้ไว้ว่าใน 5 ปีแรกคนที่จะเป็นนายกฯให้วุฒิสมาชิกเลือกด้วยบังเอิญว่า ในการเลือกวุฒิฯชุดปัจจุบัน ไม่ได้เลือกตามวิธี ที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติปกติ ที่กำหนดให้ประชาชนอาชีพต่าง ๆ เลือกกันเอง ในบทเฉพาะกาลนี้ เขาให้มาจากกรรมการสรรหา แล้วให้ คสช. เป็นคนเลือกอีกทีจากกรรมการสรรหา มี 250 คน ตรงนี้เลยทำให้ฝ่ายที่ไม่พอใจ รู้สึกว่าเป็นประเด็นที่เขาจะเอามาโจมตีได้

“ผมไม่รู้จักและไม่มีความสนิทสนม เป็นการส่วนตัวกับท่านวุฒิสมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งเหล่านี้ ไม่เคยไปหา หรือไปคุย แต่ติดตามการทำงาน เห็นว่าในสถานการณ์อย่างนี้ใช้ได้ แต่ก็ยังหวังว่า เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ อย่างราบรื่น ในการเลือกตั้งนายกฯหลังการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า ก็ยังอยากให้วุฒิฯชุดนี้ ได้มีส่วนในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี”

“อันนี้เป็นการคานอำนาจของผู้แทนราษฎร ซึ่งเราไม่ค่อยสบายใจเท่าไรในภาพที่เขาแสดงกันออกมา และ ในระยะเปลี่ยนผ่านเราจำเป็นต้องมีคณะบุคคลบางกลุ่มบางส่วนที่จะต้องคอยคานอำนาจจนกว่าทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเรียบร้อย และเมื่อพ้น 5 ปีนี้ และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่อีกหน วุฒิสมาชิกที่มีสิทธิเลือกนายกฯอีกหนเดียว” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวต่อว่า การที่ยกเอาประเด็นนี้มาคุย เพราะรู้ว่าเขาคงแก้ไม่ได้เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก ที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน และที่ยกขึ้นมา ก็เพื่อให้พี่น้องได้ติดตามว่า ไม่ว่าเขาจะคิดเรื่องอะไร เรื่องรัฐธรรมนูญ เรามีความคิด ความเห็น เราต้องร่วมแสดงความคิด ความเห็นด้วย มิฉะนั้นเผลอแป๊ปเดียว สิ่งที่เราคาดว่าจะมีการปฏิรูปการเมือง ถูกแก้ ถูกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ปฏิรูปอีก ย้อนรอยถอยหลังอีก

ยกตัวอย่างเช่น รัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้ง ใช้บัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกพรรค ใบหนึ่งเลือก ส.ส. นี่เป็นของเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติมาแล้ว พอมารัฐธรรมนูญฉบับนี้เขาจึงไม่เอา เขียนให้มีการเลือกตั้งใช้บัตรเพียงใบเดียว เป็นเหตุให้พรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ชอบ

ที่เขาชอบคือ ซื้อเหล้าแถมเบียร์ คือเลือกผู้แทนเขต แล้วอีกบัตรเลือกพรรค กินรวบเลยเหมือน ซื้อเหล้าแถมเบียร์ อันนี้อันตรายสำหรับประเทศ เราเคยเห็นพรรคการเองที่มีอำนาจเด็ดขาด เพราะเหตุว่ามีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จในสภาทำอะไรก็ได้ ตรวจสอบไม่ได้ ฉ้อโกงทุจริตคอร์รัปชั่น

ออกกฎหมายเพื่อพวกพ้อง ทำมาแล้วทั้งนั้น ตนไม่เห็นด้วย แต่ตอนนั้นเราเผลอไป ประชาชนไม่ได้เคลื่อนไหว ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านสุมหัวกันแก้เรื่องนี้เพื่อสมประโยชน์ของฝ่ายการเมืองทั้งนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประเทศหรือประชาชน

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ตอนนี้สัปดาห์นี้ กำลังแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับ รัฐธรรมนูญจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบ ทุกความเคลื่อนไหวของนักการเมือง ทุกความเคลื่อนไหวพรรคการเมือง ทุกความเคลื่อนไหวสมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร หรือ วุฒิสภา เราต้องติดตามเรา ต้องสนใจ เผลอไม่ได้ เผลอเดี๋ยวไปแก้ตรงนั้นตรงนี้ทำปู้ยี่ปู้ยำ

สิ่งที่เราคิดอยากจะเห็นการปฏิรูปการเมืองเห็นการเมืองเจริญไปข้างหน้า เห็นการเมืองที่ทำให้บ้านเมือง มีความผาสุก มีความเจริญไปข้างหน้ามันจะสะดุดลงได้ เพราะฉะนั้นเราต้องติดตาม ตนก็จะติดตามไม่ปล่อยปละละเลย บ้านเมืองเป็นของเราเราต้องติดตาม