ประยุทธ์ ยกเลิก ลงพื้นที่ระยอง-สมุทรปราการ เปิดงานออนไลน์แทน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์ ยกเลิกลงพื้นที่ ระยอง-สมุทรปราการ กดปุ่มเปิดท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 – โครงการบ้านเคหะสุขเกษม ผ่าน ระบบ Video Conference แทน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักโฆษกรัฐบาลแจ้งเปลี่ยนแปลงวาระงานประจำวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเวลา 09.00 น.จะเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ผ่านระบบ Video Conference จากเดิม ณ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง

รวมถึงในเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายด้านการอยู่อาศัยและการดูแลผู้สูงอายุของรัฐบาล ผ่านระบบ Video Conference จากเดิม ณ โครงการบ้านเคหะสุขเกษม ถนนเทพารักษ์ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เพื่อเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.65)

นายกรัฐมนตรี กำหนดเป็นประธานเปิดโครงการฯ ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ณ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ผ่านระบบออนไลน์

นายธนกรกล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเตรียม โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งทางน้ำสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม และรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว ให้บริการรูปแบบท่าเทียบเรือสาธารณะ

โครงการดังกล่าว มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่หน้าท่า 550 ไร่ และพื้นที่หลังท่า 450 ไร่ ความยาวหน้าท่ารวมกัน 2,229 เมตร เป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่และทันสมัย มีการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร สามารถรองรับเรือบรรทุกขนาด 264,000 DWT เปิดให้บริการ 12 ท่า (ท่าเรือสาธารณะ 2 ท่า และท่าเรือเฉพาะกิจ 10 ท่า)

โดยมีเอกชน 19 ราย เช่าดำเนินการเป็นท่าเรือ คลังน้ำมัน คลังสินค้า และโรงไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 55,400 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มูลค่าลงทุน 47,900 ล้านบาท และช่วงที่ 2 จะเป็นการลงทุนพัฒนาก่อสร้างในส่วนของท่าเรือ(Superstructure) ซึ่งจะเปิดทีโออาร์ภายหลัง ใช้เงินลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่หลังท่า จำนวน 150 ไร่ เงินลงทุน 3,200 ล้านบาท

“ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเลียมเคมีและเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรอุตสาหกรรมพลังงาน (น้ำมันและก๊าซ) ก่อให้ประโยชน์ทั้งในมิติเศรษฐกิจ ได้แก่ การเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำของอาเซียนสู่เศรษฐกิจนานาชาติ และการบินสู่ประตูการค้า และมิติสังคม ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่นในด้านการจ้างงาน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสร้างงานสร้างรายได้ต่อไป” นายธนกร กล่าว

นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้ติดตามนโยบายในการส่งเสริมและช่วยเหลือให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้สูงอายุ สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้เกษียณอายุราชการ ลูกจ้าง พนักงานของรัฐ และลูกจ้างเกษียณอายุที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

ในวันพรุ่งนี้มีกำหนดเป็นประธานเปิดโครงการบ้านเคหะสุขเกษม อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านระบบออนไลน์ ที่ดำเนินการในรูปแบบเช่าระยะยาว ภายใต้หลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) ที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมส่งเสริมสุขภาพควบคู่กันไป ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหวังหวังยกระดับคุณภาพชีวิต เน้นย้ำคนไทยต้องมีบ้าน มีที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านเคหะสุขเกษม เป็นโครงการนำร่อง มีจำนวน 45 หน่วย และเตรียมพัฒนาเพิ่ม 225 หน่วย ตั้งอยู่บริเวณซอยที่ดินไทย ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยออกแบบโครงการฯ ภายใต้หลักสถาปัตยกรรมเพื่อทุกคน มีลักษณะเป็นอาคารชุดสูง 5 ชั้น (มีลิฟต์ทุกอาคาร) ห้องพักอาศัยมีขนาดประมาณ 33 ตารางเมตร และภายในโครงการยังแบ่งพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัย

โดยมีอัตราค่าเช่าตั้งแต่ 3,200 บาทต่อเดือน ด้วยโครงการบ้านเคหะสุขเกษม มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน การออกแบบโครงการจึงคำนึงถึงสภาพการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และพื้นที่จัดกิจกรรมสำหรับผู้อยู่อาศัย ได้แก่ คลินิกอายุรกรรม ศูนย์สุขภาพ พื้นที่สันทนาการ พื้นที่ออกกำลังกาย สวนสาธารณะ พร้อมที่จอดรถ