“สมชัย” ปวดใจแนวคิดเลือกตั้งไม่สังกัดพรรค ชี้ทำจริงต้องแก้รธน.-กม.ลูก-กรธ.แสดงสปิริตลาออกยกคณะ

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้กลับไปเลือก ส.ส.เขต จำนวน 400 คน โดยทุกคนไม่ต้องสังกัดพรรค ด้วยเหตุผลว่า เพื่อความปรองดอง ไม่แบ่งแยกแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี และเริ่มมีการเออออห่อหมก จนอาจกลายเป็นกระแสให้ทบทวนกฎหมาย ซึ่งตนได้ฟังข่าวดังกล่าวด้วยความปวดใจยิ่ง เพราะเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องการแก้ไขการออกแบบโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นสาระสำคัญที่สุดของรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ไปแล้วเมื่อ 6 เมษายน 2560 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ระบุให้มี ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน และให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว นำคะแนนของทุกบัตรมาคำนวณ ส.ส.ที่พึงจะมีทั้งหมด โดยเหตุผลคือ ให้ทุกคะแนนที่เลือกมีความหมาย

นายสมชัยกล่าวต่อว่า การแก้ไขหลักการดังกล่าว เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตรา และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอีกอย่างน้อย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.บ.แระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยแต่ละฉบับมีหลายมาตราที่เกี่ยวข้อง และต้องอย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติจากประชาชนมาแล้ว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 การเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ เป็นสิ่งที่สมควรขอความคิดเห็นจากประชาชนทั้งประเทศด้วยการทำประชามติอีกครั้งหรือไม่

นายสมชัยกล่าวอีกว่า การกลับไปใช้ ส.ส.เขต 400 คน ไม่สังกัดพรรค จะนำไปสู่การเมืองไทยในยุค 30-40 ปีที่ผ่านมา ที่การจัดตั้งรัฐบาล การลงคะแนนในมติสำคัญของสภา จะเห็นการใช้เงินจำนวนมากกว้านซื้อ ส.ส.เพื่อให้ได้เสียงมาสนับสนุนหรือไม่ การไปแจกเงินในห้องน้ำสภากันก่อนโหวตจะกลับมาอีกหรือไม่ ประกอบกับการไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ แล้วหลักการที่ออกแบบมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ที่ต้องการให้คนดีมีความสามารถแต่ไม่ถนัดในการลงพื้นที่หาเสียงแบบ ส.ส.เขต. ไม่มีเงินพอที่จะไปช่วยงานบวช งานแต่ง ไม่มีเงินซื้อหรีดงานศพส่งทุกวัด ทุกคืนในเขตเลือกตั้งของตน เข้าสู่การเมือง หรือไม่

“การออกแบบรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกเดินหน้ามาไกล เหมือนจะไปเชียงใหม่ ตอนนี้มาถึงลำปางแล้ว ข้อเสนอของนักการเมืองใหญ่รายนี้ เปรียบเหมือนให้กลับไปกรุงเทพและมาคิดใหม่ว่าจะไปทิศไหนดี หากมีการแก้ไขตามที่เสนอโดยผู้มีอำนาจจริง ผมขอเสนอว่า กรธ.ควรแสดงสปิริตด้วยการลาออกยกคณะ เพราะแสดงถึงว่าการร่างกฎหมายทั้งหมดที่ผ่านมาไม่สามารถดีเทียบเท่า ความคิดของนักการเมืองใหญ่ท่านนี้เพียงคนเดียว และเสนอออกมาในช่วงแว็บเดียวเท่านั้น” นายสมชัยกล่าว

 


ที่มา : มติชนออนไลน์