เล็งอัดฉีดงบจังหวัดปี 62 “บิ๊กตู่” ตั้ง 5 รองนายกฯ จัดทำแผนพัฒนา 6 ภาค-ไฟเขียวแผนพัฒนาภาคระยะ 5 ปี ลดเหลื่อมล้ำ-แก้ยากจน
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (กบภ.) ครั้งที่ 1/2560 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุม กบภ.มีมติเห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาค จำนวน 5 คณะ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาคกลาง มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม เป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาคตะวันออก มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 4.คณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาคเหนือ มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ 5.คณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
นายปรเมธีกล่าวว่า โดยคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 5 คณะ จะเริ่มจัดทำแผนพัฒนาภาคเพื่อให้มีโครงการสนับสนุนสอดรับที่ชัดเจนและให้เป็นภารกิจเร่งด่วนเพื่อรองรับกับการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2562 ของการจัดทำแผน โครงการและงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยให้ใช้ระยะเวลาในการจัดทำแผน 1 เดือน เพื่อให้ทันกับการเสนอแผน โครงการและงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ 2562
“เดิมงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เบื้องต้นขอรับงบประมาณจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่เนื่องจาก กบภ.คำนึงถึงความสำคัญการขับเคลื่อนระดับภาค ระดับพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลจะทำให้ตอบเสนอความต้องการของประชาชนมากขึ้น อาจจะเพิ่มให้นอกเหนือจากจังหวัดและกลุ่มจังหวัดและงบดำเนินโครงการรายกระทรวง โดยรองนายก ฯ สมคิดและสำนักงบประมาณจะนำไปพิจารณาเพื่อเพิ่มให้อีก” นายปรเมธีกล่าว
นายปรเมธีกล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ประชุม กบภ.ยังพิจารณาเห็นชอบทิศทางการพัฒนาภาคของประเทศ รายภาค จำนวน 6 ภาค ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) ได้แก่ 1.ทิศทางการพัฒนาภาคเหนือ ให้เป็น “ฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง เชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” 2.ทิศทางการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” 3.ทิศทางการพัฒนาภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เป็น “พัฒนากรุงเทพ ฯ สู่มหานครทันสมัยและภาคกลางเป็นฐานการผลิตสินค้าและและบริการที่มีมูลค่าสูง”
4.ทิศทางการพัฒนาภาคตะวันออก ให้เป็น “ฐานเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน” 5.ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ ให้เป็น “ภาคใต้เป็นเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศระดับโลก เป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางพาราและปาล์มน้ำมันของประเทศ และเป็นเมืองเศรษฐกิจเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับภูมิภาคอื่นของโลก” และ 6.ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ชายแดน ให้เป็น “แหล่งผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่สำคัญของประเทศ และเป็นเมืองชายแดนเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวกับพื้นที่ภาคใต้และการพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซียและสิงคโปร์
“นายกรัฐมนตรีฝากการบ้านให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากภาคเอกชน ประชาชนและภาคประชาสังคมช่วยกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และให้ตรงตามความต้องการของประชาชน โดยใช้กลไกประชารัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ราคาอ้อยและน้ำตาล โดยกำหนดเป้าหมายไปยังเศรษฐกิจฐานราก” นายปรเมธีกล่าว