กกต.แจ้งความ “สิระ” เอาผิดอาญา ฐานลงเลือกตั้งทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ

นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ
นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ

หลวงพ่อป้อมช่วยไม่ได้ กกต.ฟ้อง “สิระ” เอาผิดอาญา ทั้งจำ ทั้งปรับ ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครลงเลือกตั้ง แต่ยังสมัคร

วันที่ 9 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้สำนักงาน กกต.แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังใช้สิทธิลงสมัคร ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2560 แล้ว

หลังจากพิจารณาสำนวนการสอบสวนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นคำร้องว่า นายสิระขาดคุณสมบัติในการการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จากเหตุเคยต้องคำพิพากษาคดีฉ้อโกง และเห็นว่านายสิระขาดคุณสมบัติจริง ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสิระสิ้นสุดลง จากเหตุดังกล่าวด้วย

ก่อนหน้านี้ วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยให้นายสิระ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา

คำวินิจฉัยตอนหนึ่งมีว่า ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พ.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ เป็นผู้เสียหายในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 ของศาลแขวงปทุมวัน และ พ.ต.ต.เขมรินทร์ ไม่เคยยอมความกับผู้ถูกร้องหรือถอนการร้องทุกข์คดี อันเป็นเหตุให้ศาลแขวงปทุมวันได้จำหน่ายคดี เสียจากระบบความภายในระยะเวลาอุทธรณ์ เช่นนี้ คำพิพากษาดังกล่าวจึงถึงที่สุดไปตามศาลแขวงปทุมวัน

“ผู้ถูกร้องจึงเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันอันขังอันถึงที่สุด ของศาลแขวงปทุมวันว่าได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา” เมื่อผู้ถูกร้องเคยถูกคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้ถูกร้องจึงเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้รับสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ทำให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง

ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 กำหนดโทษของผู้ที่รู้ว่าตนมีสิทธิสมัคร