เลขา ICAO ชมวิสัยทัศน์ผู้นำ “บิ๊กตู่” ยกปัญหาการบินพลเรือนเป็นวาระแห่งชาติ ทำไทยพ้นธงแดง

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นางฟาง หลิว (Dr.Fang Liu) เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (General Secretary, International Civil Aviation Organization – ICAO) เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสัมมนาระดับภูมิภาคเพื่อนำเสนอแผนงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยด้านการบินระดับโลก (Global Aviation Security Plan : GASeP) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณ ICAO ที่ได้มีการทำงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับไทยมาโดยตลอด จนสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (Significant Safety Concern : SSC) ได้สำเร็จ เป็นผลให้ประเทศไทยถูกถอดออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2560 ทั้งนี้ ไทยในฐานะสมาชิกของ ICAO และเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ มุ่งมั่นที่จะรักษาความสำเร็จนี้ และปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินไทยและยกระดับการบินพลเรือนไทยให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับระดับสากล รวมทั้งจะดูแลให้อุตสาหกรรมสายการบินทั้ง สายการบินเต็มรูปแบบและสายการบินต้นทุนต่ำ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยหนึ่งในแผนงานคือ การผลักดันให้ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aeropolis) และศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ของภูมิภาค โดยมีเชื่อมโยงของสนามบินสำคัญทั้ง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินอูตะเภา ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยง (connectivity) สนับสนุนการเดินทาง การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้มีการเติบโตเพื่อให้ไทยสามารถก้าวพ้นกับดับประเทศรายได้ปานกลางได้

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ได้กล่าวแสดงประทับใจภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญต่อการบินพลเรือนโดยให้เป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ไทยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยทางการบินอย่างรวดเร็ว ส่งผลโดย ICAO ได้ถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) และมั่นใจว่าอุตสาหกรรมการบินพลเรือนของไทยจะประสบความสำเร็จตามที่รัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายไว้ ในการสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยและภูมิภาคและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ยังได้กล่าวว่า สถาบันการฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะความเป็นมืออาชีพให้แก่บุคลากรด้านการบินพลเรือนมีความสำคัญและต้องดำเนินควบคู่ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการกำหนดแผนหลักการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเล็งเห็นว่าไทยสามารถพัฒนาทักษะและฝึกอบรมบุคคลากรด้านการบินพลเรือนเพื่อเป็นบุคคลกรสำคัญในอุตสาหกรรมการบินพลเรือนของไทยและภูมิภาค ซึ่งเป็นหนึ่งภูมิภาคที่อุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางอากาศมีความเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาระดับภูมิภาคเพื่อนำเสนอแผนงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยด้านการบินระดับโลก (Global Aviation Security plan: GASeP) ในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า ไทยจะได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมการบินพลเรือนระหว่างประเทศในการจัดเวทีระดับภูมิภาคเพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายและยกระดับการรักษาความปลอดภัยด้านการบินระดับโลก ตลอดจนผู้แทนจากประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกได้มีโอกาสพบปะและร่วมแบ่งปันประสบการณ์การรักษาความปลอดภัยด้านการบินระดับโลกร่วมกัน ไทยให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน ซึ่งในภาวะที่มีภัยคุกคามที่เกิดขึ้น ในโลกปัจจุบัน ทำให้จำเป็นต้องมีการจัดทำแผนงานการรักษาความปลอดภัยด้านการบินระดับโลก และในระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จะต้องนำแผนงานดังกล่าวมาดำเนินการปฏิบัติให้สอดคล้อง และเกิดผลเป็นรูปธรรม

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์