ประชาธิปัตย์ ขอบคุณชาว กทม. ย้ำทุกคะแนนเสียงไม่สูญเปล่า

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ยกมือขอบคุณ

องอาจ รองหัวหน้า ปชป. คุม กทม. ขอบคุณลงคะแนนเลือก สุชัชวีร์ ได้คะแนนอันดับ 2 – ส.ก. 9 ที่นั่ง เรียก ส.ส.- รมต. ถก รับเปิดสภา ร้อน

วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ทุกท่านที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.

ไม่ว่าท่านจะเลือกใครก็ตาม ถือได้ว่าท่านได้ทำหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. เป็นเมืองระดับท้องถิ่นที่เป็นรากฐานสำคัญของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

“ในส่วนของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ช่วยลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ท่านให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าทุกคะแนนเสียงที่ท่านมอบให้จะไม่สูญเปล่า เราจะแปรเปลี่ยนทุกคะแนนเสียงเป็นกำลังแรงกาย แรงใจในการทำงานหนักเพื่อพี่น้องชาว กทม. ต่อไปอย่างเต็มที่” นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวว่า ในส่วนของ ส.ก. ที่ประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งมา 9 เขต ก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อประโยชน์สุขของชาว กทม. โดยยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานและนโยบายที่คน กทม. ได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันก็พร้อมจะตรวจสอบการบริหารงานของผู้ว่าฯ กทม. อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ก็ต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าได้ประโยชน์เพื่อคน กทม. อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อย่างไม่เป็นทางการ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อันดับ 2 จำนวน 254,723 คะแนน และได้ ส.ก. 9 ที่นั่ง

นายองอาจ ในฐานะประธาน ส.ส.ยังกล่าวถึงการประชุมสภาที่กำลังจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้นัดประชุม ส.ส. และรัฐมนตรีของพรรค พร้อมผู้เกี่ยวข้องในวันอังคารที่ 24 พ.ค. 2565 เวลา 13.30 น. ณ อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ชั้น 3 ที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในสภารองรับการเปิดประชุมที่กำลังจะมีขึ้น

ซึ่งมีเรื่องสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2. ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ 3. การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ

นายองอาจกล่าวว่า ทั้ง 3 เรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม การเมือง มากมายหลายประการ ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงได้มีการเตรียมการศึกษาหาข้อมูลเพื่ออภิปรายในการพิจารณางบประมาณ รวมถึงการพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายพรรคการเมือง ส่วนรัฐมนตรีของพรรคก็ต้องเตรียมรับมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีที่ถูกอภิปราย ในช่วงปีสุดท้าย ก่อนครบวาระ 4 ปี ของการทำงานในสภา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์จะมุ่งมั่นตั้งใจทำงานหนัก เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป