ประชาธิปัตย์ โต้ ขอทานจัดงานวันเกิด จัด 20 ขุนพล ถลกงบปี’66

องอาจ คล้ามไพบูลย์
องอาจ คล้ามไพบูลย์

องอาจ คล้ามไพบูลย์ นัด ส.ส. ประชาธิปัตย์ประชุมวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.นี้ เตรียม 20 ขุนพล อภิปรายงบประมาณปี’66 โต้ ฝ่ายค้าน ไม่ใช่ขอทานจัดงานวันเกิด แต่เป็นงบของคนทั้งประเทศ

วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่า ตนได้นัดประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาเนื้อหาสาระรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไปถึงวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

นายองอาจกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่ง หลังจากได้รับเอกสารงบประมาณมาศึกษาเป็นเบื้องต้นแล้ว จึงได้มอบหมายให้ ส.ส. จำนวน 20 ท่าน ที่มีความรู้ ความสามารถ และสนใจประเด็นต่างๆ ร่วมอภิปรายถึงแง่มุมที่น่าสนใจ เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อดี ข้อด้อย ของการจัดทำงบประมาณก่อนที่จะพิจารณารายละเอียด โดยคณะกรรมาธิการที่สภาจะตั้งขึ้นต่อไป

นายองอาจกล่าวว่า การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนปฏิรูปประเทศ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน นโยบายสำคัญของรัฐบาล แผนปฏิบัติราชการของกระทรวง รวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ

นายองอาจกล่าวว่า ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จะได้อภิปรายชี้ให้เห็นว่าเนื้อหาสาระรายละเอียดของงบประมาณเป็นไปตามแนวทางในการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้หรือไม่ โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้เงินงบประมาณทุกบาท ทุกสตางค์ เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติโดยรวมเป็นสำคัญ

“ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ เหมือนขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิดนั้น ก็แล้วแต่มุมมองของฝ่ายค้าน ที่จะมองอย่างไรก็ได้ แต่อยากให้ฝ่ายค้านมองว่า งบประมาณที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานี้ เป็นงบประมาณของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่งบของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ฝ่ายค้านจึงควรใช้เวทีประชุมสภา ติติง และเสนอแนะแนวทางวิธีการที่จะช่วยทำให้งบประมาณเป็นไปเพื่อการพัฒนาประเทศโดยรวม ซึ่งจะช่วยทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด” นายองอาจกล่าว