ปฏิรูปตำรวจ”บิ๊กสร้าง”หั่นอำนาจก.ต.ช. ให้ ก.ตร.ตั้งผบ.ตร. สลัดการเมืองพ้นแต่งตั้ง เปิดเวทีรับฟังความเห็นสัปดาห์หน้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ฐานะประธานคณะกรรมการปฎิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เป็นประธานการชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 4 โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมใช้เวลา 3 ชั่วโมง

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะโฆษกฯ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมหารือถึงการวางระบบแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ โดยเริ่มต้นหารือการแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยหยิบประเด็นอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมการ 2 ชุด คือคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) หารือก่อน นำข้อเสนอจากการศึกษาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาเป็นพื้นฐาน โดยมีการถกกันถึงอำนาจหน้าที่ของ ก.ต.ช. และ ก.ตร. ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมที่ได้จากการถกแถลงกัน ไม่ใช่การโหวต ต่างเห็นว่าควรยังคงมีบอร์ดทั้ง 2 ชุดไว้ แต่ให้ปรับอำนาจหน้าที่ องค์ประกอบให้เหมาะสม และมีฝ่ายการเมืองเข้ามาน้อยที่สุด

นายสมคิดกล่าวว่า เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมเห็นว่า ควรให้ ก.ต.ช.ที่ปัจจุบันมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ ออกแบบใหม่ โดยยังมีฝ่ายการเมืองบางส่วนเป็นกรรมการ อาจมีนายกฯเป็นประธานกรรมการเหมือนเดิม แต่ปรับองค์ประกอบใหม่ ไม่มีฝ่ายการเมืองคงไม่ได้ คงบทบาทในการกำหนดนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนเดิม แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร.แล้ว

“เนื่องจากมีการอภิปรายและเสนอในรายงานการศึกษาฯว่าองค์ประกอบปัจจุบันมีส่วนผสมของคณะกรรมการทั้งจากการเมืองและฝ่ายต่างๆมากมาย โดยแทบไม่มีตำรวจเลย แต่กลับมีอำนาจตั้งผบ.ตร.ก็ดูแปลก ที่ประชุมมีความเห็นว่า ผบ.ตร.ควรมีที่มา โดยปลอดการเมือง เพราะผบ.ตร.เพียงคนเดียว แต่งตั้งตำรวจทั่วประเทศได้ถึง 2แสนนาย แม้อำนาจตามกฎหมายอ้างว่ากระจายอำนาจการแต่งตั้ง แต่ในทางที่ปฏิบัติอยู่อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ จึงมีการเสนอให้ อำนาจการแต่งตั้งผบ.ตร.ไปอยู่ที่ ก.ตร. ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มาจากตำรวจแทน เมือเป็นอย่างนั้นก็ต้องปรับเปลี่ยนองค์ประกอบ คณะกรรมการก.ตร.ใหม่ มีการเสนอให้ประธานก.ตร.ควรมาจาก อดีตรองผบ.ตร. ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี อย่างในปัจจุบัน ส่วนกรรมการอื่นๆยังไม่คุยในรายละเอียด แต่ต้องไม่มีฝ่ายการเมืองเป็นกรรมการเลย อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อยุติว่าจะเลือกใช้แนวทางใด แต่ที่ยกมาเป็นความคิดเห็นจากเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมที่อภิปรายออกมาในแนวทางนี้” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า แนวคิดหลักคือลดบทบาทการเมืองในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ โดยเริ่มต้นที่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งประเด็นนี้ตอนที่ถกแถลงกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่ง ผบ.ตร.ออกตัวตั้งแต่แรกว่าไม่ขอแสดงความเห็นในประเด็นที่อาจมีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้ในที่ประชุมยังไม่มีการเสนอลงลึกในรายละเอียดว่าผบ.ตร.ควรเลือกหรือสรรหาโดยวิธีการใด แต่ก็ไม่มีใครเสนอว่าผบ.ตร.ควรมาจากการเลือกตั้ง ตนก็มองว่าผบ.ตร.ไม่ควรมาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องไปคุยรายละเอียดการสรรหาผบ.ตร. ว่าใครมีอำนาจเสนอ และผบ.ตร.ควรมาจากผู้มีคุณสมบัติอย่างไร อย่างไรก็ตามประเด็น ของ ก.ต.ช. และ ก.ตร. จะเป็นคำถามแรกๆที่จะระดมความคิดเห็นจากส่วนต่างๆ คู่ขนานไปกับการศึกษาของคณะอนุกรรมการด้านบริหารงานบุคคล ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการด้านหน้าที่ อำนาจและภารกิจของตำรวจ ที่มี นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร เป็นประธาน คาดว่าประเด็นนี้จะได้ข้อสรุปได้เดือนสิงหาคมนี้

โฆษกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ในส่วนของ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ประธานอนุกรรมการฯด้านรับฟังความคิดเห็น แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะเริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็น จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน จากบุคคล 5 กลุ่ม ประกอบ 1.ประชาชนทั่วไป 2.นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ 3.ข้าราชการตำรวจ 4.สื่อมวลชน และ5.บุคคลากรในกระบวนการยุติธรรม เช่น อัยการ ผู้พิพากษา รับฟังอย่างรอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยวางแนวทางรับความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ คือ เปิดเว็บไซต์โดยอิงกับเว็บไซต์ของตำรวจ ช่องทางโซเชียลมีเดีย จัดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็น อาจเชิญสื่อมวลชน ผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมรับฟัง รวมทั้งเปิดตู้ปณ.รับข้อมูล ด้วย

นายสมคิดกล่าวว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นช่วงรับฟัง เพื่อกำหนดแนวทางทั้งหลายให้อนุฯและกรรมการไปคิด วางแนว ช่วงที่ 2 วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 31ตุลาคม 2560 เป็นช่วงที่อนุกรรมการฯต่างๆมีความเห็นเบื้องต้นแล้ว และหาแนวทางการปรับปรุง และช่วงที่ 3 คือตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2560 ช่วงนี้มีร่างกฎหมายออกมาแล้ว และจะรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับให้ลงตัว โดยคณะอนุฯทั้ง 5 ชุด จะเสนอประเด็นความคืบหน้าของแต่ละชุดอนุฯให้อนุฯรับฟังความคิดเห็นนำไปตั้งคำถามเพื่อรับความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆต่อไป

นายสมคิดกล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ครั้งแรก โดยจะมีการตั้งประเด็น เรื่อง ก.ตร. – ก.ต.ช.และที่มาของ ผบ.ตร.กับภาคส่วนต่างๆ และมีการตั้งนายอมร วาณิชวิวัฒน์ เป็นโฆษกฯของคณะอนุกรรมการด้านรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตามคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจจะประชุมอีกครั้ง ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม ที่อาคาร 3 รัฐสภา และจะประชุมต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คือวันจันทร์และวันพุธ

 


ที่มา : มติชนออนไลน์