จตุพร บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ดำเนินการแก้วิกฤตพลังงาน 9 ข้อ นัดกลุ่มรวมประชาชน วันอาทิตย์ 26 มิ.ย. ที่พีซทีวี และวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. ลานคนเมือง
วันที่ 21 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) พร้อมด้วย กลุ่มรวมประชาชน ได้อ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อขอให้แก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
ในแถลงการณ์ระบุถึงปัญหาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเป็นเวลานาน แต่รัฐบาลอ้างสถานการณ์โควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนว่าเป็นสาเหตุให้ราคาพลังงานสูงขึ้น เป็นการกล่าวอ้างโดยอาศัยสถานการณ์ เพราะต้นเหตุที่แท้จริงมาจาก วิธีการบริหารกิจการปิโตรเลียมที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันบิดเบือน ไม่ถือตามราคาต้นทุนที่แท้จริง มีการอ้างเรื่องการค้าเสรีโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก
จึงขอให้รัฐบาล ดำเนินการเร่งด่วน 9 ข้อ โดยนายกต้องใช้อำนาจ หน้าที่ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ยังบังคับใช้อยู่ แก้ไขวิกฤตพลังงาน ดังนี้
1.ยกเลิกราคาน้ำมันทุกประเภท ที่อ้างถึงจากสิงคโปร์
2.ยกเลิกราคาก๊าซหุงต้ม ที่อ้างอิงราคาจากซาอุดีอาระเบีย
3.กำหนดเพดานราคาค่าการกลั่น
4.กำหนดเพดานราคาค่าการตลาด และควบคุมค่าการตลาดให้อยู่ในระดับตามที่ กพช. ประกาศไว้อย่างเคร่งครัด
5.การกำหนดให้ราคาแอลพีจีลอยตัว เป็นสิ่งที่รัฐบาลผู้ดำเนินการ ส่งผลให้มีราคาแพงขึ้นอย่างมาก
6.การจัดสรรก๊าซธรรมชาติ ต้องแก้ไขให้ประชาชนได้รับสิทธิ การใช้อย่างเพียงพอก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยให้ภาคอุตสาหกรรม
7.เก็บภาษีลาภลอยของโรงกลั่น
8.จัดหาพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ จากมิตรประเทศ เช่น รัสเซีย อิหร่าน เพื่อแก้ไขวิกฤตพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ อย่างเร่งด่วน
9.ลดภาษีสรรพสามิตลงอีก
นายจตุพรกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่มีการอภิปราย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน สะท้อนว่ากลุ่มทุนพลังงานมีอำนาจเหนือรัฐ เหนือฝ่ายค้าน ทั้งที่ประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากราคาพลังงาน ประชาชนเป็นฝ่ายสูญเสีย แต่มีกลุ่มทุนบางกลุ่มได้ประโยชน์ทุกครั้ง หากประชาชนไม่ลุกขึ้นมายืนหยัดจัดการเรื่องพลังงาน ก็จะถูกปล้นซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมที่จะดำรงอยู่
ดังนั้น กลุ่มรวมประชาชน จึงขอนัดหมาย วันอาทิตย์ 26 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ประชาชนที่เดือดร้อน มาร่วมระดมความคิดเห็นที่พีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก 33-1 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. เวลา 16.00 น. จะใช้ลานคนเมืองเป็นครั้งแรก โดยจะขออนุญาตจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเวทีชำแหละเรื่องพลังงาน ความเดือดร้อนของประชาชน และการทุจริต เพื่อฉายให้เห็นว่าประเทศนี้กำลังหายนะ
ฉะนั้น ทุกประเด็นที่อยู่ในแถลง หากประชาชนไม่ลุกขึ้นมาจัดการไม่มีวันแก้ไขปัญหาได้ เราไม่สามารถฝากบ้านเมืองไว้กับฝ่ายการเมืองได้เพียงอย่างเดียว ใครเดือดร้อนทนราคาน้ำมัน ค่าไฟ และอำนาจของกลุ่มทุนที่แทรกแซงทางการเมืองไม่ได้ มาเจอกันตามที่นัดหมาย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นมาจัดการ
ตนไม่ต้องการกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ สยบยอมกับกลุ่มทุนน้ำมันได้อย่างไร ทั้งที่จริงรัฐต้องเอาประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่กลุ่มทุนต้องมาก่อนทุกกรณี ความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ หมดไป เพราะไม่ได้เลือกยืนหยัดเคียงข้างประชาชน แต่ยืนหยัดเคียงข้างผลประโยชน์ของกลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติ