พรรคแฝดพลังประชารัฐ รับสูตรเลือกตั้งหาร 500 หนุน ประยุทธ์ ไปต่อ

พลังประชารัฐ

วิทยา รับคุย พีระพันธุ์ ทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่กั๊ก หนุน ประยุทธ์ไปต่อ ชวน สุเทพ-3 อดีตแกนนำ กปปส. มาอยู่ด้วยกัน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรองหัวหน้าพรรคและอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกระแสข่าวไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าพูดคุยกันอยู่กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะสนิทสนมกัน รู้จักกันมานาน และตนก็เป็นคนผลักดันนายพีระพันธุ์ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แข่งกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน จึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นระยะมาโดยตลอด

“ท่าน (นายพีระพันธุ์) คิดที่จะทำพรรคการเมือง ที่มีลักษณะของการที่จะประนีประนอมทุกฝ่าย โดยส่วนตัวผมเชื่อมั่นว่า คุณพีระพันธุ์เป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์” นายวิทยากล่าว

ผู้ดำเนินรายการถามซักว่า ถ้านายพีระพันธุ์ตั้งพรรคการเมืองจริงจะไปอยู่ด้วยหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ถ้าคุณพีระพันธุ์ (ตั้งพรรค) แน่นอน และตั้งใจแบบที่ตนคิด ตนเสนอนายพีระพันธ์ ว่า เราต้องรวบรวมคนดี ๆ ทุกคนในทางการเมืองเข้ามาอยู่ด้วยกัน และลดอัตตาของแต่ละคน เพราะไม่ใช่อยู่ ๆ ก็คิดที่จะตั้งพรรค ๆ โดยไม่คิดถึงข้างหน้าว่า คุณคิดจะทำอะไร ถ้าคุณคิดจะเป็นรัฐบาลคุณจะทำอะไร ต้องคิดรอบด้าน ทุกด้าน แล้วตั้งเป้าหมายยังไง พรรคการเมืองจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า ตั้งพรรคนี้ขึ้นมาเพื่อรองรับลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) ให้ได้ไปต่อ นายวิทยาถามย้อนกลับมาว่า ลุงตู่จะย้ายพรรค ย้ายสังกัดหรือครับ ตอนนี้ลุงตู่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เวลาเสนอนายกฯ ก็เสนอได้พรรคเดียว

เมื่อถามต่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเครื่องทำท่าจะดับไปแล้ว แต่กลับมารีสตาร์ตกันอีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนเกมเล่น กติกาการเลือกตั้งหารด้วย 500 มี ส.ส.พึงมี ดังนั้นต้องมีพรรคคู่แฝด พรรคคู่ขนาน แยกกันเดินแล้วมารวมกันตี วิเคราะห์กันว่า ก็แค่นี้ นายวิทยากล่าวว่า ตนคิดไว้ คำว่าหาร 500 คนตั้งพรรคก็คงคิดว่า ขอ ส.ส.บัญชีรายชื่อสัก 2-3 คน หรือ 1 คน ตามที่ปรากฎเป็นอยู่ขณะนี้เป็นหลัก แต่ถ้านายพีระพันธุ์คิดทำพรรคการเมืองขณะนั้น ตนคงไม่เอาด้วย

“จะคิดว่า เอาหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค รองหัวหน้า 2-3 คน 5 คน 7 คน แล้วมีความสุข ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่า ตั้งพรรคแล้วก็ต้องมั่นคงและถาวร พร้อมที่จะมีจุดยืนของตัวเอง ทดแทนพรรคการเมืองที่เสื่อมไปตามเวลาทั้งหมด ต้องเป็นพรรคที่ดีขึ้นมา ประชาชนเป็นที่มุ่งที่หมายได้ แต่ถ้าตั้งพรรคแล้ว พีระพันธุ์เป็น ส.ส. สักคน ผมคิดว่าแกคงไม่คิดอย่างนั้น ตอนเป็น ส.ส. แกยังลาออกเลย จะตีราคา เพราะ 500 แล้วพีระพันธุ์ตั้งพรรค ผมคิดว่า ผมไม่ได้ให้ราคาว่า เขาจะคิดแบบนั้น ผมคิดว่า เขาคิดมากกว่านั้น สำหรับบ้านเมือง” นายวิทยากล่าว

เมื่อถามย้ำอีกว่า พรรคนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับลุงตู่หรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า “ผมคิดว่าที่คุยกับคุณพีระพันธุ์ ท่านพร้อมที่จะทำเอง ไม่ได้รอใคร ถ้าลุงตู่เข้ามา ผมคิดว่า ลุงตู่ก็มีจุดอ่อนเยอะ แต่จุดแข็งจุดหนึ่งที่ใครยังทะลวงเข้าไปไม่ได้ 7-8 ปี 4 ปีของสภานี้ผมยังไม่เห็นมีใครอภิปรายลุงตู่เรื่องทุจริตเลย ไม่รู้เค้าทำอะไรกันอยู่ หรือ ลุงตู่ไม่เคยทุจริตเลย”

เมื่อถามว่า สรุปจุดยืนของรวมไทยสร้างชาติยังจะซับพอร์ตลุงตุ่ใช่หรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ถ้าลุงตู่มาก็ไม่ขัดข้อง คนที่อยู่การเมืองมา 7-8 ปี ไม่ทุจริตเลย เราอยากได้คนประเภทอย่างนี้ครับ

เมื่อถามว่า ก็พร้อมซับพอร์ตลุงต่อให้ได้ไปต่อ ถ้าลุงตู่จะไปต่อ นายวิทยากล่าวว่า “ได้ ๆ ฮะ ถ้าจะไปต่อโดยการให้ซับพอร์ตก็ต้องมีข้อตกลงกันบ้าง สิ่งไหนที่ควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ อย่างน้อย ๆ ทิศทางที่ดี คือ องคาพยพของรัฐบาลทั้งหมด ต้องเป็นรัฐบาลที่ทำให้การเมืองดีขึ้น ทุกวันนี้การเมืองมันแบกันมา 20-30 ล้าน 40 ล้าน 50 ล้าน ผมเกิดมาในชีวิต เป็นนักการเมืองมาเกือบ 30 ปี ไม่เคยเห็นเงินขนาดนั้นเลย ถ้าคิดสมัครผู้แทนฯ 30-50 ล้าน ผมว่ามันบ้ากันหมด วันข้างหน้าคนที่อยู่ในวงการการเมืองคือพวกทุจริต พวกทำมิชอบทั้งนั้น หาเงินมาถล่มกัน”

เมื่อถามว่ามีความเป็นได้สูงมากที่พรรคของลุงกำนัน (นายสุเทพ เทือกสุวรรณ หรือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งอยู่ระหว่าง กกต.รับรองเปลี่ยนชื่อพรรค เป็น พรรครวมพลัง) จะควบรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ นายวิทยากล่าวว่า ผมเคยแลกเปลี่ยนกัน พรรคลุงกำนันก็ยังอยู่ที่เดิม ท่านยังไม่มีแนวคิดอย่างนั้น แต่วันข้างหน้าก็อาจจะเกิดได้ คุยกับทุกพรรคการเมืองที่ไปกันได้ ชวนมาอยู่ด้วยกัน ส่วนใครจะขึ้นตำแหน่งไหนเรื่องเล็ก

เมื่อถามว่า 3 เสือ กปปส. (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำ กปปส.) คุยไปถึงไหน ชวนมาอยู่ด้วยกัน นายวิทยากล่าวว่า

“3 คนนี้ ผมเจอวันสุดท้าย วันที่ศาลตัดสิน และหลังจากนั้นผมจะไม่เจอกันอีกเลย แต่ผมตั้งใจที่จะชวนเค้า อยากให้ชักชวนมาอยุ่ด้วยกัน ผมเชื่อมั่นว่าคนเหล่านี้เป็นคนดี มาอยู่ด้วยกัน”