เมื่อวันที่ 9 ม.ค. เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในวันนี้จากกรณีมีกระเเสวิพากษ์วิจารณ์ว่า คสช.ใช้อำนาจพิเศษในการลิดรอนสิทธิ หรือก้าวก่ายในหลายกรณี
ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จึงได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ทวนความในที่ประชุม เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่าหลักเกณฑ์ในการพิจารณาออกคำสั่งหัวหน้าคสช.โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 นั้นประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ได้เเก่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
1.ต้องเป็นเรื่องสำคัญ คือ 1.1 ปฏิรูปประเทศ ระบบหรือโครงสร้าง 1.2 รักษาความมั่นคง 1.3 รักษาความปลอดภัยสังคมและประชาชน 1.4 แก้เรื่องเศรษฐกิจ
2.การใช้มาตรา 44 มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากฎหมายจึงมีผลในทางบริหารและนิติบัญญัติ โดยไม่มีผลในทางตุลาการไปตัดสินคดี คสช.ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้เลยและยืนยันไม่เคยใช้คำสั่งคสช.เอาใครไปลงโทษ มีเพียงใช้เพื่อดำเนินการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
3.ใช้มาตรา 44 เมื่อจำเป็นหากออกกฎหมายปกติล่าช้าจะไม่ทันการจนเกิดความสับสน วุ่นวาย
และ 4.ใช้มาตรา 44 เพื่อปฐมพยาบาลและแก้ปัญหาเฉพาะกิจ เฉพาะหน้าก่อนประกาศใช้กฎหมายอื่นๆ ตามมา ไม่ได้จะใช้มาตรา 44 สืบไปชั่วลูกชั่วหลาน
ทั้งนี้ เมื่อจบภารกิจของรัฐบาลตามโรดแมปแล้วจะยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ผ่านมา