“นักการเมือง” ผึ้งแตกรัง สูตรคำนวณ ส.ส.กลับไม่ได้-ไปไม่ถึง

พรรคการเมือง
คอลัมน์ : รายงานพิเศษ

เมื่อผู้มีอำนาจอาจลืมคิด-ไตร่ตรองให้ถี่ถ่วน เป็นผลให้เกมการเมืองหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องชุลมุนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ที่จู่ ๆ พล.อ.ประยุทธ์เรียกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง มาถกถึงสูตรคำนวณกันอีกรอบว่าจะเอาสูตรหาร 500 หรือย้อนกลับไปสูตรหาร 100 ทั้งที่ตนเองเพิ่งสั่งให้รัฐสภาทั้ง ส.ส.และ ส.ว.พร้อมใจกันโหวตคว่ำสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 มาหยก ๆ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม

หนำซ้ำยังมีการ “วางเกม” ถึงขั้นกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ย้อนให้เป็นกติกาเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน

สูตรการเลือกตั้งที่จะใช้ในการเลือกตั้งอีก 7-8 เดือน หลังจากนี้จึงยังฝุ่นตลบแบบกลับไม่ได้-ไปไม่ถึง

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่คุม ส.ส.ภาคอีสาน สมรภูมิที่ต้องเปิดศึกกับพรรคเพื่อไทยบอกว่า ส.ส.หลายพรรคการเมืองไม่ต้องการให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ส่วนจะเอาหาร 100 หรือไม่เป็นเรื่องของสภา

“พรรคไม่ได้อยากที่จะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่ขอให้เป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง และมีกติกาเป็นสากล”

ณ โมงยามนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเก็บงำ อมพะนำไม่มีใครเปิดหน้าว่าอยากได้สูตรแบบไหน เพียงแต่ปล่อยข่าวใต้ดินว่าไม่อยากกลับไปใช้สูตรบัตรเลือกตั้งใบเดียว เพราะจะยิ่งแพ้แลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย ถ้าหากเป็น “บัตร 2 ใบ” ยังชวนให้คนเลือกบัตร ส.ส.เขต หรือบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (บัตรพรรค) ได้ แต่ถ้าเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว จบเห่ !

เกมแก้กฎหมายลูก ไม่ว่าสูตรไหนก็เข้าทาง “พรรคเพื่อไทย” ทั้งหาร 500 ก็เตรียมแตกพรรคออกไปเก็บคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือจะหาร 100 ยิ่งเข้าทาง เพราะเคยชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์มาแล้ว ครั้นจะคว่ำกระดานออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาบังคับใช้ก็ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ยกร่าง ก็หนีไม่พ้นสูตรหาร 100

สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน และกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย บอกว่า พรรคเพื่อไทยเราสู้มาทุกกติกาและเราชนะทุกกติกาอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดความยุ่งเหยิงจะตามมา แม้เราชนะก็จะยุ่งเหยิง เช่น ใช้สูตรหาร 500 เราคิดว่าจะชนะเหมือนกัน แต่ที่เป็นปัญหาจะมีการร้อง การนับคะแนน ประกาศผลไม่ได้ เราจึงอยากให้มันจบ ๆ ไป ถ้าหาร 100 จะสะดวกและดีกว่า

และถ้าย้อนกลับไปเป็นเลือกตั้งบัตรใบเดียว ก็จะยุ่งอีก กว่าจะนับคะแนนได้ต้องใช้เวลา 2 เดือน

“เรามั่นใจทุกสูตร เพียงแต่ว่าบางสูตรจะมีปัญหาตามมาด้านอื่นเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องแตกพรรค แตกแบงก์พัน พรรคยังไม่คิด เพียงแค่คุยกันเล่น ๆ ในกลุ่ม ส.ส.แต่แตกแบงก์พันก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะหาร 500 เราก็ยิ่งได้เยอะ ไม่ได้กระทบมากหรอก ถ้าเราทำคะแนนพ็อปพูลาร์โหวตให้ได้เยอะ จำนวน ส.ส.ก็จะตามมา แม้อาจจะทำให้ปาร์ตี้ลิสต์หด แต่เราก็ได้ ส.ส.เขตเยอะ ก็ชดเชยกันอยู่แล้วไม่มีปัญหาหรอก”

ด้าน “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เป็นตัวแทนพรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ-กฎหมายลูก บอกว่า

พรรคก้าวไกลคิดว่า ไม่ต้องการอยู่เป็นพรรคขนาดกลางไปตลอด แต่เราต้องเติบโตเป็นพรรคขนาดใหญ่ เป็นสถาบันการเมือง ไม่ว่าสูตรแบบ ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยหาร 100 หรือสูตร ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยหาร 500 หรือบัตรใบเดียว หาร 500 เราจึงพร้อมต่อสู้ทุกกติกา

มีการคำนวณว่าถ้าใช้สูตรหาร 500 พรรคก้าวไกลอาจจะได้ ส.ส.ทะลุ 80 ที่นั่ง ธีรัจชัย กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง จาก 150 คน เหลือ 100 คน อาจจะได้เพิ่มขึ้นแต่ไม่ใช่จะได้ถล่มทลาย แต่เราพร้อมสู้ทั้ง 2 อย่างไม่มีปัญหา

“การทำงานในสภาของก้าวไกลมีพัฒนาการชัดที่สุด ประชาชนสามารถเห็นได้ว่าถ้าเลือกพรรคก้าวไกลแล้วจะเป็นอย่างไร คุณภาพในการอภิปรายก็ลึกและชัดขึ้น ประชาชนคงเห็นว่าถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทำงานไม่แพ้กับเป็นฝ่ายค้านที่ทำงานบนข้อมูล ตัดสินใจอย่างเป็นระบบ มีอุดมการณ์ชัดเจน จะสร้างความมั่นใจของประชาชนมากขึ้น”

“ภราดร ปริศนานันทกุล” ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้ตัดสินใจเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 ไปแล้ว ส่วนจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นหน้าที่องค์กรอิสระที่จะวินิจฉัยไปข้างหน้า

“ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ต้องเดินหน้าลุยกันไป จะถูกจะผิดไม่รู้ ก็ต้องเดินหน้า ไปว่ากันข้างหน้าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบข้างหน้าตัดสินเอา ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็พูดเสมอว่า ไม่ว่ากติกาเป็นอย่างไร ในเมื่อเราเป็นผู้เล่น ต้องเล่นทุกกติกาอยู่แล้ว เราไม่เกี่ยง”

“ส่วนตัวคิดว่าไม่มีแบบไหนสะดวก ประชาชนจะตัดสินเอง ไม่ว่าวิธีการจะยาก ง่าย สลับซับซ้อนอย่างไร ชาวบ้านเขาไม่โง่ เขาต้องเลือกคนที่มาเป็นตัวแทนของเขา เขาจะเลือกอย่างไร”

สูตรคำนวณ ส.ส.ยิ่งแก้ ยิ่งเหมือนลิงแก้แห กลับไม่ได้-ไปไม่ถึง