แม็คโครผนึกกำลัง 5 พันธมิตร ปรับโฉมร้านค้าชุมชนทั่วประเทศสู่ค้าปลีกยุคใหม่ ‘บัดดี้มาร์ท’

พัฒนาโมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกเพื่อชุมชน ‘บัดดี้ มาร์ท’ (Buddy Mart) ไปเมื่อต้นปีพร้อมกับนำร่องเปิดไปแล้ว 25 สาขา ล่าสุด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ ที่มี ประสบการณ์คลุกคลีกับธุรกิจโชห่วยไทยมากกว่า 33 ปี จัดงานเปิดตัวบัดดี้มาร์ท อย่างเป็นทางการ พร้อมกับ ประกาศความร่วมมือกับ 5 พันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, เนสท์เล่ (ไทย), ไทยน้ำทิพย์, พีแอนด์จี และธนาคารกรุงเทพ นำเสนอดีลพิเศษทั้งสินค้าและเงินลงทุน เพื่อจูงใจร้านค้าใน ชุมชนก้าวสู่ธุรกิจร้านค้าปลีกโฉมใหม่

โมเดลธุรกิจท้องถิ่นทางเลือกใหม่ ‘ครบ คุ้ม เพื่อนคู่ใจชุมชน’

นายเอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท อธิบายถึงที่มาของการพัฒนาโมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกเพื่อชุมชนว่า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง นิยมซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงร้านโชห่วย เองก็ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของคนยุคปัจจุบันทั้งการบริการและการจัดการสินค้า ที่สำคัญ คือขาดสภาพคล่องและความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน บัดดี้มาร์ทจึงได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้เป็น สูตรสำเร็จสำหรับร้านค้าปลีกยุคใหม่

“จากการที่แมคโครอยู่กับโชห่วย 500,000 ราย มากว่า 33 ปี ทำให้มีบิ๊กดาต้าอย่างเช่น สินค้าขายดีที่ตอบโจทย์ ลูกค้า มีความรู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ร้านโชห่วยควรปรับ เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็เน้นความเป็นเจ้า ของเดิมที่มีความสัมพันธ์ในชุมชน เป็นเสน่ห์ความเป็นร้านโชห่วยในท้องถิ่น”

“บัดดี้มาร์ท เป็นโมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกที่พัฒนาให้เป็นสูตรสำเร็จ ภายใต้แนวคิด ครบ คุ้ม เพื่อนคู่ใจชุมชน มุ่งเป็นเพื่อนแท้ของทุกคนในท้องถิ่น ที่สำคัญยังคงเสน่ห์ของร้านโชห่วย โดยเน้นความเป็นเจ้าของเดิม เสริมความสัมพันธ์กับชุมชนให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของแม็คโคร”

ผนึกกำลังพันธมิตรเสริมแกร่งโชห่วย  

นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า จากการทำธุรกิจในไทยเกือบ 90 ปี จึงมีความรู้ความชำนาญทั้งในด้านร้านค้าและช่องทางจัดจำหน่าย โดยเฉพาะวิธีการบริหารจัดการหมวดหมู่สินค้าในร้าน (Category Management) รวมถึงมีประสบการณ์ และความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค โดยจะนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ ทั้งเจ้าของร้านและผู้บริโภค  เช่นเดียวกับ Barkha Kukreja Senior Director-Sales Thailand Myanmar & Laos บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (P&G) ย้ำถึงการให้ความสำคัญกับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ในเมืองไทย และมีความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี กว่า 87% ของครอบครัวไทยต้องมี สินค้าพีแอนด์จีในบ้านอย่างน้อย 1 ชิ้น ทั้งนี้ บริษัทจะเข้ามาช่วยด้วยการจัดเตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้บัดดี้ มาร์ทกำหนดผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด ทั้งเรื่องราคาและแพคเกจ พร้อมกับร่วมพัฒนาศักยภาพของร้านค้า โชห่วยไปพร้อมๆ กัน

ด้านนายธวัชชัย ตั้งประสิทธิภาพ National Sales Manager Grocery Sales บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปีหน้าจะทำธุรกิจในเมืองไทยครบ 130 ปี ดังนั้นจึงมี ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านอาหารอย่างมาก และพร้อมจะนำองค์ความรู้ในการพัฒนาร้านค้าโชห่วย ให้ขายดีมากขึ้น

“เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของแต่ละภูมิภาคนั้นแตกต่างกัน บริษัทจะร่วมมือกับบัดดี้มาร์ททำสินค้าให้ เหมาะกับแต่ละภูมิภาค รวมถึงช่วยฝึกอบรมด้านบริการแก่ร้านค้า อย่างในอดีต ร้านโชห่วยจะรอให้ลูกค้า เข้ามาหา แต่ยุคปัจจุบันจะต้องเดินเข้าหาลูกค้า อาจต้องเพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อให้ขายได้มากขึ้น”

ตอบโจทย์เงินลงทุน กู้สูงสุด 100%

นายปริญญา มณีประเสริฐ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายปลีกต่างจังหวัด ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เป็น พันธมิตรกับแม็คโครมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่กระจาย ทั่วประเทศ จึงพร้อมให้ความร่วมมือกับแม็คโครเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และร้านค้าโชห่วยที่มีปัญหาขาด สภาพคล่องหรือขาดความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน ให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจบัดดี้มาร์ทได้ทันที 

ทั้งนี้สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการบัดดี้มาร์ทสำหรับลงทุนค้ำประกันและปรับปรุงร้านค้า แบ่งออกเป็นสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อทั่วไป สามารถยื่นกู้ได้สูงสุดถึง 100% และมีระยะเวลาการผ่อนชำระนานถึง 5 ปี พร้อมอัตรา ดอกเบี้ยพิเศษ ค้ำประกันโดย บสย.ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู และโครงการเติมเต็ม รายย่อย 

ปักธง 2,000 สาขาภายในปีหน้า

ร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ ‘บัดดี้มาร์ท’ มีให้เลือก 3 ขนาด เริ่มจากขนาดเล็ก น้อยกว่า 50 ตร.ม.ขนาดกลาง 51-100 ตร.ม. และขนาดใหญ่ มากกว่า 100 ตร.ม. ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 400,000 บาท แบ่งเป็นค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท ค่าประกัน 200,000 บาท  ซึ่งในช่วงนี้ที่มีโปรโมชั่น ส่วนลด 2 แสนบาท จนถึงสิ้นปี 2565 สำหรับ 300 ร้านค้าในพื้นที่ให้บริการ  นอกจากนี้บัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท ในส่วนของ  การตกแต่งร้านตามมาตรฐาน ลงสินค้าเต็มร้านในครั้งแรก อุปกรณ์พร้อมขายครบครัน รวมถึง เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ (POS) และจะมีการจัดโปรโมชั่นหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

ความโดดเด่นของบัดดี้มาร์ทที่แตกต่างไปจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปก็คือ ไม่เน้นขายเฮ้าส์แบรนด์ แต่เป็นสินค้า จากพันธมิตรแบรนด์ดัง มากกว่า 20,000 รายการ เพื่อให้เจ้าของร้านเลือกสินค้าให้เหมาะกับชุมชน มีการ ส่งสินค้าเข้าร้านสัปดาห์ละ 4 ครั้ง สามารถปรับเปลี่ยนออเดอร์ให้ตามต้องการ บริการอาหารสดแช่แข็ง นอกจากนี้ยังมีการเสริมบริการพิเศษ อาทิ ตู้เติมเงิน ตู้กดเครื่องดื่มกาแฟ และตู้ซักผ้าอัตโนมัติ โดยในอนาคต จะมีการเพิ่มสินค้าชุมชนภายในร้าน 

สำหรับเป้าหมายการเติบโตที่บัดดี้มาร์ท วางไว้คือ 2,000 ร้านค้าภายในปี 2566