ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล เปิดแผนธุรกิจขับเคลื่อนนวัตกรรม Health & Wellness มุ่งยกระดับชีวิตคนไทย ดันรายได้เติบโตยั่งยืน

การติดลมบนของ ‘ยาแก้ไอ ตราไอยรา’ และการกลับมาอยู่ในกระแสของ ‘สเปรย์พ่นคอ โพรโพลิซ’ พาให้ บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ทะยานขึ้นเป็นเจ้าตลาดยาพ่นคออันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยตัวเลขรายได้สูงถึง 2,300 ล้านบาทในเวลาไม่กี่ปี

ความสำเร็จที่กล่าวมานี้เป็นบทพิสูจน์ว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ที.แมน คือผู้นำด้านการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคนไทย ด้วยมาตรฐานการผลิตและการควบคุมคุณภาพระดับสากล ‘ประชาชาติธุรกิจ’ ชวนพูดคุยกับ ‘ภก.ประพล ฐานะโชติพันธ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ถึงภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมยาในประเทศไทย การรับมือกับเมกะเทรนด์สุขภาพ ไปจนถึงก้าวต่อไปของ ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล

ตลาดยาในประเทศไทย ในมุมมองผู้เชี่ยวชาญในวงการกว่า 50 ปี

ภก.ประพล เล่าว่า มูลค่าตลาดยาแผนปัจจุบันในประเทศไทยนั้นเติบโตมาก หลังโควิด-19 โตขึ้นมาที่ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 3 – 5 % ทำให้กลุ่มสินค้ายาบางชนิดขายดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ไอ ยาขับเสมหะ ยาที่ใช้ในระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน โดยมูลค่าตลาดยาแบ่งสัดส่วนออกเป็น โรงพยาบาล 80% และ ร้านขายยา 20% เกินครึ่งส่วนแบ่งเป็นบริษัทยาข้ามชาติครองอยู่ เนื่องจากปัจจุบันไทยยังขาดศักยภาพในการผลิตยาเอง และยังต้องพึ่งพาการนำเข้ายามูลค่าสูงจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเราต่างรู้กันว่า การจะได้เป็นผู้รับอนุญาตผลิตยาแผนปัจจุบันในประเทศไทยนั้นยาก และมีความท้าทายค่อนข้างมาก ทั้งในแง่การลงทุน มาตรฐานกฎหมาย ความรับผิดชอบต่างๆ รวมถึงเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เวลาวิจัย พัฒนา และขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นานกว่าธุรกิจอื่นๆ

Advertisment

ภก.ประพล บอกอีกว่า นอกจากนี้ในเรื่องของนวัตกรรมก็สำคัญ เพราะในไทยการทำนวัตกรรมยาใหม่ขึ้นมาเองยาก เนื่องจากมีกฎหมายของยาแผนปัจจุบันว่า ถ้าเกิดจะทำยาโมเลกุลใหม่จะต้องไปทดสอบตั้งแต่สารทดลอง ต้องทดลองในคนอีก 3 – 4 เฟส ศึกษาวิจัยทางคลินิก ตั้งแต่ความปลอดภัย ประสิทธิภาพและภาวะแทรกซ้อน พร้อมติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นเวลายาวนานกว่าที่จะได้ยาใหม่ขึ้นมา ทั้งยังใช้งบประมาณหลายพันล้านบาท ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตยาอยู่แค่ประมาณ 160 โรงงานทั่วประเทศ โดยมีมูลค่าตลาดไม่กี่หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่ง ที.แมน มีมาร์เก็ตแชร์ปีล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท

Advertisment

ด้วยการแข่งขันในวงการอุตสาหกรรมยาก็ดุเดือดมีการแข่งขันสูง ทำให้ ที.แมน ต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการหันมาจับเทรนด์สินค้าเฮลแคร์มากขึ้น

10 กว่าปีที่แล้ว ภก.ประพล เริ่มเห็นเทรนด์เฮลแคร์จากการเดินทางไปต่างประเทศ เห็นว่าการเข้าถึงการรักษาไม่ง่ายเหมือนบ้านเรา ซื้อยาเองก็ยาก พบแพทย์ก็ต้องขอนัดล่วงหน้า ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นในหลายประเทศจึงเลือกที่จะให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองในเชิงป้องกัน โดยการใช้สมุนไพรก็ดี อาหารเสริมบำรุงสุขภาพก็ดี

“เราเห็นเทรนด์นี้มันน่าสนใจ และคิดว่าในอนาคตจะมีการเติบโตที่ดี ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ทางบริษัทได้จัดตั้ง บริษัท เฮเว่น เฮิร์บ จำกัด ในเครือ ที.แมน เพื่อสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และใช้สินค้ากลุ่มนี้ไปเสนอขายให้กับร้านขายยา เพราะปัจจุบันร้านขายยาไม่ได้ขายแค่ยาแผนปัจจุบันอย่างเดียว แต่เขาขายสินค้าเฮลแคร์อื่นๆ อย่างครบวงจร เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น”

โครงสร้างทางธุรกิจและกำลังการผลิตที่พร้อมต่อยอด

ภก.ประพล คือทายาทรุ่นที่ 2 ที่เข้ามากุมบังเหียน ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล ต่อจากคุณพ่อธีรวัฒน์ ฐานะโชติพันธ์ อดีตพนักงานจัดยาจีนในร้านขายยาสมุนไพรที่เยาวราช ซึ่งผันตัวเองมาเปิดบริษัทตัวแทนขายยา วันนี้ ที.แมน ไม่เพียงเปิดโรงงานผลิตยาเอง แต่ยังขยายกิจการทำยาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์เฮลแคร์อย่างเต็มรูปแบบที่มีสินค้ากว่า 400 SKU ที่สร้างรายได้ 2,300 ล้านบาท ในเวลาไม่กี่ปี ภายใต้การบริหารของผู้ชายคนนี้

“ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ด้วยความขยันและตั้งใจทำงานจนเข้าตาเจ้าของร้าน ทำให้คุณพ่อธีรวัฒน์เลื่อนขั้นจากเด็กจัดยาจีนไปเป็นเซลล์ขายยา เพราะแบบนี้ท่านเลยได้รู้ช่องทางการตลาดในวงการยามากขึ้น ค่อยสะสมประสบการณ์เรื่อยๆ เมื่อความรู้พร้อม เงินทุนพร้อม จึงตัดสินใจออกมาเปิดบริษัทขายยาเป็นของตนเองในนาม ‘ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทรัสต์แมน’ เป็นบริษัทที่ซื้อมาขายไป ก่อนจะเปิดโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบัน”

โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกของบริษัท ตอนนั้นมีหลากหลายแต่ถ้าเป็นตัวที่สร้างชื่อจนถึงวันนี้คือ ไมด้าบี ครีม (Myda-B Cream) เป็นยาทาฆ่าเชื้อราผสมยารักษาผื่นคัน ถือเป็นนวัตกรรมในยุคแรก ทั้งยังเป็นสูตรที่บริษัทสามารถขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยอีกด้วย

ที.แมน ขึ้นชื่อว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ด้วยเครื่องจักรการผลิตที่หลากหลาย ทำให้สามารถรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ยาได้หลายรูปแบบตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาผง ยาน้ำ และยาครีม

ปัจจุบัน ที.แมน มีกลุ่มธุรกิจในเครือถึง 5 บริษัท ครอบคลุมงานวิจัยและพัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายที่ตอบสนองในทุกๆ ความต้องการของผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาทิ ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารทางการแพทย์ อาหารเสริมสมรรถภาพสำหรับนักกีฬา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ป้องกัน

วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ ขับเคลื่อน ที.แมน สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ที.แมน ก่อตั้งขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน ดังนั้นกลุ่มบริษัทในเครือจึงไม่หยุดที่จะพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านการดูแลสุขภาพที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด จึงมุ่งเน้นการสรรค์สร้างนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง

“ล่าสุด ที.แมน มีแผนการพัฒนานวัตกรรมและขยายพอร์ตโฟลิโอใหม่ เพราะจากเดิมต้องยอมรับว่า ที.แมน ค่อนข้างโดดเด่นในกลุ่มตลาดร้านขายยา ตอนนี้จึงพยายามสร้างส่วนแบ่งของตลาดโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ด้วยการเดินหน้าขยายพอร์ตกลุ่มสินค้ายาที่ตอบโจทย์กับลูกค้าโรงพยาบาล ปัจจุบันตลาดหลักของเราอยู่ในประเทศถึง 90% ส่วน 10% เป็นตลาดต่างประเทศ หลักๆ ส่งออกไปที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง กัมพูชา เมียนมา และลาว ในอนาคตจะพยายามหาพาร์ทเนอร์เพื่อขยายตลาดต่างประเทศให้ใหญ่ขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 20%”

ภก.ประพล เล่าให้ฟังเพิ่มว่า การจะพาบริษัทขึ้นสู่แนวหน้าการดำเนินธุรกิจจึงเต็มไปด้วยการตั้งคำถาม ตั้งโจทย์ และการสังเกต ยกตัวอย่าง สเปรย์พ่นคอ โพรโพลิซ ก็มาจากการที่เราต้องการสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดด้านนี้อยู่ก่อน จึงได้พัฒนาสารสกัดที่ชื่อว่า ‘โพรโพลิส’ หรือสารสกัดจากผิวของรังผึ้ง ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แก้เจ็บคอในตัว และลดอาการอักเสบ ทางเฮเว่น เฮิร์บ ยังพัฒนาให้ยาพ่นตัวนี้ฉีดนุ่มชุ่มคอยิ่งขึ้น ลดขม ฉีดง่ายไม่บาดคอ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการรักษาและฆ่าเชื้อที่เป็นต้นเหตุของการเจ็บคอได้อย่างดี

“ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สเปรย์พ่นคอ โพรโพลิซ ต่างเป็นที่ต้องการของตลาด บริษัทจึงตัดสินใจลงเครื่องผลิตเพื่อเพิ่มจำนวนการผลิต จนกลายเป็นเจ้าตลาดยาพ่นคออันดับหนึ่งของประเทศมาจนถึงวันนี้”

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ภก.ประพล บอกถึงความเข้มข้นในการทำงานคิดค้นของทีมแพทย์และเภสัชว่า นอกจากจากโพรโพลิซ เมาท์ สเปรย์ สำหรับผู้ใหญ่แล้ว ก็มีสูตรสำหรับเด็ก ทั้งยังมีแบบชนิดเม็ดอมเพื่อให้เหมาะกับความสนใจของคนแต่ละกลุ่ม เพราะบางทีวัยรุ่นวัยทำงานอาจไม่ชอบยาแบบจิบ ถ้าเปลี่ยนเป็นเม็ดอมที่กินง่ายพกพาสะดวกอาจจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิตมากกว่า

เช่นเดียวกันกับยาแก้ไอ ไอยรา นอกจาก ‘สูตรมะแว้ง’ ที่เป็นสูตรต้นตำรับแล้ว บริษัทก็พัฒนา ‘สูตรมะขามป้อม’ และ ‘มะแว้ง ไลท์ สูตรไร้น้ำตาล’ ออกมา เพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่าง เบาหวาน ความดันอีกด้วย

“ตอนนี้ ที.แมน มีสินค้าหลายร้อยตัว เราวางตัวเองให้เป็นสินค้าเฮลแคร์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ และในไม่ช้าก็กำลังจะออกสินค้าซีรีส์ใหม่ ที่มาเจาะกลุ่มวัยเกษียณมากขึ้น เพราะตอนนี้เราก็มองว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว 

“ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน เรายังให้ความสำคัญกับลูกค้า บริษัทได้สร้างคอมมูนิตี้ให้กับแฟนคลับ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ถือเป็นช่องทางสร้างปฏิสัมพันธ์และรับฟีดแบคจากทุกคน”

และเพราะทำงานเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ทุกขั้นตอนจึงต้องมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและได้มาตรฐาน ซึ่งไม่เพียงลงทุนกับการพัฒนาและงานวิจัย บุคลากร แม้กระทั่งเครื่องไม้เครื่องมือการผลิตก็ต้องดีใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีกำลังการผลิตสูง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ  ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยก่อนส่งมอบถึงมือผู้บริโภค

วันนี้ ที.แมน ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลในหลากหลายด้าน อาทิ มาตรฐานวิธีการผลิตยาที่ดี Good Manufacturing Practice (GMP PIC/s) มาตรฐานวิธีการกระจายยาที่ดี Good Distribution Practice (GDP) มาตรฐานระบบการบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 มาตรฐานการบริหารจัดการห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเครื่องหมายว่า ที.แมน นั้นมีมาตรฐานการผลิตและการควบคุมคุณภาพในระดับสากล

การบริหารจัดการในปัจจุบัน กับการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ภก.ประพล บอกเล่าถึงความยากง่ายในการเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจว่า แม้รุ่นคุณพ่อจะวางระบบไว้อยู่แล้ว แต่ด้วยการบริหารงานคนละยุคสมัยทำให้มีสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนค่อนข้างมาก

“เข้าไปแรกๆ เรายังไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจระบบงาน พนักงาน และสิ่งต่างๆ ของบริษัท ซึ่งก่อนจะขึ้นมาบริหาร ผมเข้าไปทำงานฝ่ายขายและการตลาดของบริษัท ทำให้เห็นช่องโหว่ของระบบเดิมว่ามันทับซ้อนกัน เราจึงเริ่มวางระบบใหม่เพื่อให้การทำงานชัดเจนยิ่งขึ้น แยกการตลาดและฝ่ายขายออกจากกัน พร้อมยกระดับมาตรฐานที่เข้มข้นขึ้นให้กับทีมฝ่ายผลิต ภายใต้ปรัชญา Collaboration for Innovation”

พร้อมเน้นกลยุทธ์การตลาด ที่เน้นไปที่พัฒนาสินค้าในกลุ่มยาสมุนไพรให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค คือนอกจากมีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีเยี่ยมแล้ว ต้องกินง่ายให้รสชาติที่ไม่ชวนอี๋ ยาแก้ไอ ตราไอยรา จึงเกิดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Natureceutical หรือการใช้เรียกสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมทั้งมีคุณสมบัติในการป้องกันรักษาโรค มาผลิตขึ้นเป็นยา โดยมีเป้าประสงค์ให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถไปบำบัด รักษา ป้องกัน ได้เทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน

“ที่ผ่านมาทั้งไอยรา โพรโพลิซ และผลิตภัณฑ์หลายหมวดหมู่นั้นใช้มาตรฐานการผลิตและระบบควบคุมคุณภาพของยาแผนปัจจุบันเป็นแนวทางการผลิต ซึ่งแม้กฎหมายไม่ได้บังคับ แต่เพราะต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยอย่างที่ดีที่สุด ที.แมน และบริษัทในเครือจึงลงทุนและให้ความสำคัญในเรื่องนี้”

ที.แมน ชนะใจผู้บริโภคได้ ไม่เพียงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเท่านั้น แต่ ที.แมน ไม่เคยหยุดการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตระดับสากล ที่จะสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนให้สุขภาพคนไทย และเพราะ “อยากยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น ผ่านสินค้าที่เป็นนวัตกรรมเฮลแคร์”

ในปีหน้า ที.แมน มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการเสนอขายหุ้น Initial Public Offering (IPO) แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่เพียงสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัทเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มช่องทางระดมทุน และเพิ่มโอกาสในการหาและเข้าร่วมลงทุนจากพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจอีกด้วย

ที.แมน ไม่อยากเป็นแค่บริษัทที่สร้างชื่อในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เราอยากออกไปสร้างชื่อในต่างประเทศ อยากมี International Business ที่ไม่ได้ขายดีเฉพาะในเมืองไทย อยากทำให้ทั่วโลกรู้ว่าบ้านเรามีสินค้านวัตกรรมด้านสุขภาพ (Innovative Healthcare) ที่พัฒนาจากสมุนไพรนั้นดีและมีมาตรฐาน”

กว่าครึ่งศตวรรษบนเส้นทางอุตสาหกรรมผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ถือเป็นเครื่องการันตีว่า วันนี้ ที.แมน ไม่เป็นเพียงความภูมิใจของคนไทย แต่ยังแข็งแกร่งและมีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็น Global Business เป็นธุรกิจเพื่อทุกคนบนโลกใบนี้