SKY ชูระบบ Biometric หนุน AOT ยกระดับ 6 สนามบินไทยสู่ Digital Airport

หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่โรคระบาดใหญ่ การท่องเที่ยวทั่วโลกต่างกลับมาฟื้นตัวรวดเร็วและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้สนามบินหลายแห่งทั่วโลกมุ่งสู่การเป็นสนามบินอัจฉริยะ (Digital Airport) เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว พร้อมตอบรับเทรนด์การท่องเที่ยวแห่งอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว ทั้งการบริหารจัดการผู้โดยสาร ความปลอดภัย ตลอดจนอำนวยความสะดวกผู้โดยสารตรวจคนเข้าเมืองแบบอัตโนมัติ

เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีแนวคิดพัฒนา Digital Airport มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหัวเรือหลัก คือ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ที่เป็นประตูบานแรกในการต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลก
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนาบริการระบบ Biometric เป็นผู้ที่นำเทคโนโลยีระดับโลกมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ซึ่งจะช่วยยกระดับท่าอากาศยานไทยให้เป็นสนามบินที่มีความทันสมัยเทียบเท่านานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) ตั้งแต่ตรวจบัตรโดยสาร ตู้ Kiosk สำหรับเช็กอินด้วยตัวเอง ไปจนถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ และแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT ที่มีฟีเจอร์หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการด้านการเดินทาง สำหรับดูแลผู้โดยสารตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงออกจากสนามบิน รวมถึงบริการอื่นๆ ที่หนุนเสริมการเดินทางที่รวดเร็วและปลอดภัยระดับโลก

สิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) 
สิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน)

ผู้นำระบบ Biometric ของไทย

ขณะเดียวกัน SKY ยังมุ่งเดินหน้าให้บริการโซลูชันใหม่ที่สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสาร ผ่านการผสานความร่วมมือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดใช้งานระบบ Biometric ทั้ง 6 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่ พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ และวันที่ 1 ธันวาคม 2567 สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ เทคโนโลยี Biometric ที่ถูกพัฒนาการบริการขึ้นโดย SKY เป็นการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยใช้การสแกนใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อเข้าสู่ระบบสนามบิน สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบตัวตนของผู้โดยสารในสนามบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ-รวดเร็ว ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ตั้งแต่การเช็กอิน การโหลดกระเป๋าสัมภาระ การตรวจสอบความปลอดภัย และการเข้าประตูทางออกขึ้นเครื่องอย่างไร้รอยต่อ

Advertisment

ตลอดจนเป็นการยกระดับท่าอากาศยานไทยให้เป็นสนามบินให้ทันสมัยเทียบเท่านานาชาติ โดยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ในสนามบิน ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัย ลดเวลาในกระบวนการตรวจสอบแบบเดิม พร้อมสร้างประสบการณ์ในการเดินทางแบบไร้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ มอบความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการในสนามบิน เรียกได้ว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความน่าเชื่อถือ และเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของเทคโนโลยีจาก SKY ICT ได้อย่างแท้จริง

เปิดตัว Biometric สะดวก-ลดเวลา-ไร้สัมผัส

Advertisment

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของ AOT ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก จึงพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าอากาศยานให้ทันสมัย ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน โดยนำเทคโนโลยี Biometric ที่ถูกพัฒนาการบริการโดย SKY เข้ามาอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารภายในประเทศ-ระหว่างประเทศ ทั้งช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยาน ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากร ของฝาก ตลอดจนรับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา SKY ICT  ได้ให้บริการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS ที่สนับสนุนการให้บริการ 5 ระบบ ได้แก่ เครื่อง CUTE สำหรับตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน เครื่อง CUSS สำหรับเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ เครื่อง CUBD สำหรับรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ รวมถึง ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร และ ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวสามารถรองรับระบบ Biometric เพื่อเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม ทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์

“สำหรับระยะเวลา 6 เดือนแรกยังมีเจ้าหน้าที่บริการตรวจสอบบัตรโดยสารแบบปกติอยู่ เพื่อทำให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถใช้บริการท่าอากาศยานได้โดยไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับ PDPA เรายืนยันว่าเราดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ” ดร.กีรติ กล่าว

แนะ 2 วิธีลงทะเบียนเช็กอินระบบ Biometric

ผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนเช็กอินได้ 2 วิธี ได้แก่ เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้า และข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ

และ เช็กอินที่เครื่อง CUSS โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้ว ให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก ‘Enrollment’ จากนั้นสแกนบาร์โคดจากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้า และข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบเช่นเดียวกัน

หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วถือว่าผู้โดยสารได้ให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ดังนั้น เมื่อผู้โดยสารโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมถึงขั้นตอนขึ้นเครื่องที่ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เสิร์ฟโซลูชัน มุ่งสู่ Digital Airport

แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยี Biometric ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทว่าในอนาคตจะกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวตลอดกระบวนการเดินทางภายในสนามบิน ทั้งยังช่วยในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อให้เกิดการวางแผน ตลอดจนสื่อสารในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล จึงมุ่งให้บริการโซลูชันรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด ตลอดจนนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการให้บริการภายในสนามบินเข้ามาเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานไทยให้กลายเป็นหนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุด เดินหน้าสู่การพัฒนา Digital Airport ประเทศไทย รวมถึงพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน