
KLINIQ เปิดแผนปี 68 ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่ม 10 สาขา ต่อยอดจากปีก่อนที่เปิดถึง 20 สาขารอเก็บเกี่ยวปีนี้ ภายใต้การคิดค้นด้านศัลกรรม เสริมความงาม ที่เข้าใจพร้อมตอบโจทย์ทุกศาสตร์ความงามให้กับทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย เน้นประสิทธิภาพการรักษาจากการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และนวัตกรรมทางการแพทย์ ทั้งด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า ดูแลรูปร่าง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางมารับบริการ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนและจีนมองไทยเป็นแลนด์มาร์ค ตั้งเป้าปีนี้มีรายได้รวม 3,500 ล้านบาท แบบสวยสวย
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ผู้นำในกลุ่มธุรกิจคลินิกความงามและศัลยกรรมเปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมและตัวยาทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษา โดยได้เตรียมงบลงทุน 200 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากเดิมที่มีสาขารวม 75 สาขา โดยภายในปี 68 คาดว่าจะมีสาขาทั้งสิ้น 82 สาขา แบ่งเป็น THE KLINIQUE จำนวน 48 สาขา, L.A.B.X จำนวน 27 สาขา, L’CLINIC จำนวน 4 สาขา, KLINIQ Wellness Spa จำนวน 2 สาขา และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา โดย KLINIQ ต้องการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการและเหมาะสมกับกำลังซื้อลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ตอกย้ำจุดแข็งบริษัทฯ ที่เป็นผู้ให้บริการด้านผิวหนังความงามศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพในหลากหลายแบรนด์ครอบคลุมการให้บริการทุกด้าน ทั้ง The KLINIQUE, L.A.B.X, L’CLINIC, KLINIQ Wellness Spa และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER และด้วยความมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านเสริมความงาม ทั้งนี้ KLINIQ ก่อตั้งมา 16 ปี ได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ไปแล้วถึง 1,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมความสวยความงามในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% เมื่อเทียบปีก่อน จากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยเพื่อความสวยความงามของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี หลังนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ จึงเป็นโอกาสของ KLINIQ ที่จะเสนอบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้โดยในปีนี้ที่ตั้งเป้า 3,500 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจัยการเติบโตดังกล่าว มาจากสาขาใหม่ที่จะลงทุนเพิ่มในปีนี้ และรายได้จากสาขาเดิมเพิ่มขึ้น
“เรามุ่งมั่นและให้ความสำคัญในนวัตกรรมและตัวยาทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาให้ดียิ่งขึ้น และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นและมีแบรนด์ที่หลากหลายตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่าปี 68 การเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารายได้ที่ 3,500 ล้านบาท จากปี 67 ที่มีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าการสร้างอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น โดยสาเหตุมาจากการขยายสาขา 10 สาขา จากปีก่อนที่ขยายถึง 20 สาขา ” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว
ด้านนายวีระศักดิ์ สินทรัพย์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโรงพยาบาลเดอะคลีนิกค์ จำกัด บริษัทลูกของ KLINIQ ถือหุ้น 99.99 เปอร์เซ็นต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลศัลยกรรมที่กำลังอยู่ในแผนพัฒนา ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพธุรกิจในระยะยาว โดยกลุ่ม ศัลยกรรมที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ หน้าอก จมูก ปลูกผม ลดหนังหน้าท้อง ดึงหน้า ดูดไขมัน และมีการเพิ่มทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งรองรับการเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรม
ทั้งนี้การเปิดโรงพยาบาลอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี และสามารถต่ออายุได้อัตโนมัติ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนมาจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรกเมื่อปี 2565 ที่ยังคงเหลือ นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
“การลงทุนในโรงพยาบาลศัลยกรรมเราต้องการเน้นเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ KLINIQ จึงไม่มีแผนซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงพยาบาลซึ่งการลงทุนต่อโครงการอยู่ในระดับโลก คืนทุนช้า เราจึงเลือกวิธีเช่าระยะยาว ไม่ต้องลงทุนก่อสร้าง ทั้งนี้โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งใหม่ยังคงรักษามาตรฐานการศัลยกรรมที่มีคุณภาพ ความปลอดภัยระดับสูง ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการศัลยกรรม ซึ่งปัจจุบัน THE KLINIQUE SURGERY CENTER บนพื้นที่สยามสแควร์นั้นได้รับความนิยมอย่างสูง เชื่อว่าการต่อยอดสู่โรงพยาบาลศัลยกรรมจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้ KLINIQ” นายวีระศักดิ์ กล่าวในที่สุด