
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี บวกกับพอร์ตธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่พัฒนาและบริหารกว่า 15 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 78,500 ไร่ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ทั้งยังมีโรงงานสำเร็จรูป-คลังสินค้าให้เช่าอีกกว่า 875,000 ตารางเมตร มีลูกค้าจำนวนกว่า 1,000 รายจากทั้งในและต่างประเทศ
ชื่อของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “WHAID” จึงได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ทุกโครงการนิคมอุตสาหกรรมของ WHAID มีการวางทำเลที่ตั้งใกล้กับระบบขนส่งโลจิสติกส์ มีเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการทำอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงโครงการล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง “WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 เฟสที่ 1” (WHA ESIE 5) ตั้งอยู่บนพื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ ของตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
ปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ประชาชาติธุรกิจฟังถึงจุดเด่นของ WHA ESIE 5 ว่า “อย่างแรกเป็นเรื่องโลเคชั่น เพราะตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ของ EEC ที่มีโครงข่ายคมนาคมที่โดดเด่น บนทางหลวงสาย 3191 กับทางหลวงสาย 3143 ทำให้การเดินทางไปท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวกรวดเร็ว”
“จุดเด่นที่ 2 เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กับสร้างเมือง สร้างชุมชน เนื่องจาก โครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE 5 เรามีการวางแผนพัฒนาที่พักอาศัย (Residential Zone) และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Commercial Zone) ด้วย ประสบการณ์ของ WHA ในการใช้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเป็นตัวนำในการสร้างเมืองและชุมชน เราประสบความสำเร็จอย่างสูง ตอนเราพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE) และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) บนเนื้อที่เกือบ 20,000 ไร่ ที่อำเภอปลวกแดง เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เริ่มต้นจากการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมก่อน จากนั้นก็มีคนที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยแล้วพัฒนาขึ้นเป็นเมือง สร้างบ้านพักอาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เวลานี้กลับไปดูจะเห็นได้ว่าอำเภอปลวกแดงมีความเจริญมาก”
เป็นแนวคิดของการทำธุรกิจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะการสร้างนิคมอุตสาหกรรม แต่ต้องการพัฒนาให้เกิดความเป็น “เมือง” เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในย่านนั้นได้ยกระดับการดำเนินชีวิตและรับประโยชน์ไปพร้อมๆ กัน
“อำเภอบ้านค่ายยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง และวิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย หนึ่งในต้นแบบของสถาบันอาชีวศึกษาที่ได้นำหลักสูตร EEC Model Type A หรือแนวทางการศึกษาซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสถาบันการศึกษาและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC โดยมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรทางด้านช่างและวิศวกรที่มีความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรม”
ตั้งเป้ารับเทรนด์อุตสาหกรรมมาแรง
ซีอีโอ WHAID เผยถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายของ WHA ESIE 5 เฟสที่ 1 ที่วางไว้หลักๆ จะเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของ EEC อยู่แล้ว ตั้งแต่รถสันดาป (Internal Combustion Engine: ICE) จนถึงยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ (EV)
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มี 4 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่ ได้แก่ BYD, CHANGAN, GWM และ MG เลือกมาอยู่กับ WHA Group ซึ่งกลุ่มนี้ยังนำซัพพลายเชนเข้ามาด้วย ทำให้ยิ่งมั่นใจว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะเป็นคลัสเตอร์ที่ขยายตัวได้อีกมาก ส่วนอุตสาหกรรมเป้าหมายต่อมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาหลายสิบปีตั้งแต่ยุคแบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรป มาถึงวันนี้เป็นผู้ผลิตใหม่ๆ อย่างเช่น Haier เลือกซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี สร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศครบวงจร ซึ่งต่อไปจะเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศของ Haier ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
กลุ่มที่ 3 อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เช่น โรงงานผลิตพื้น PVC ไวนิลต่างๆ และกลุ่มที่ 4 คือ อุตสาหกรรมดาต้า เซ็นเตอร์
“กลุ่มดาต้า เซ็นเตอร์นี้ เลือกประเทศไทยด้วยความพร้อมของสาธารณูปโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับเวิลด์คลาส ยกตัวอย่างโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างเพียงพอและมีความเสถียรสูง รวมไปถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีสายส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน 500 kV 230 kV และระดับ 115 kV หรือ 22 kV ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสัญญาณเครือข่ายทางการสื่อสารที่มีความเสถียรสูง”

นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ
เมื่อความยั่งยืนเป็นโจทย์ของโลกยุคใหม่ “นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ” (Smart Eco Industrial Estate) จึงเป็นแนวคิดในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยซีอีโอ WHAID ขยายความถึงที่มา จาก 6 แกนสำคัญ ได้แก่ Smart Facility, Smart Power, Smart Water, Smart Communication & Services, Smart Security, Smart Mobility เราได้ใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัย และลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการดำเนินการ
“ยกตัวอย่าง Smart Power กระแสไฟฟ้าที่นอกจากมีความเสถียรแล้ว ยังต้อง Eco Friendly เรามีบริการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ภายในโรงงาน ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มากกว่าซื้อจากโครงข่ายปกติ พร้อมกับการให้บริการมอนิเตอร์เพื่อแก้ไขได้ทันที หากเกิดเหตุขัดข้อง ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ยังสามารถนำไปขายให้กับโรงงานอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย ที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทของ WHA ด้วย”
“Smart Water” การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการนำน้ำที่ผ่านการดำเนินการบำบัดน้ำเสียตามมาตรฐานกระทรวงอุตสาหกรรม กลับมาบำบัด ด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้น เพื่อนำกลับมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และ “Smart Communication” นำระบบสื่อสารสายไฟเบอร์ออปติคลงใต้ดิน ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องความเสถียร เพื่อไม่ให้เกิด Interruption ในกระบวนการผลิต เป็นต้น
เผยวิสัยทัศน์รักษาแชมป์นิคมอุตสาหกรรม
ในปี 2568 บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(WHAID) ตั้งเป้ายอดขายที่ดินจำนวน 2,350 ไร่ คาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 37,000 ล้านบาท โดยยังมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทย และการเร่งขยายการเติบโตในเวียดนาม เน้นดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก
“สำหรับเป้าหมายในอีก 5-10 ปี ก็ยังจะคงรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในไทย และเนื่องจากการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรม อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมจากนี้ต้องมีการประสานกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีการประกาศนโยบายการขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าอุตสาหกรรมยั่งยืน ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวโดยมีเป้าหมายสัดส่วน GDP Growth ที่โตขึ้นจากปีที่แล้ว ต้องมาจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 1 % โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ”
“นอกจาก WHA ESIE5 เฟสที่ 1 ซึ่งมีพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ แล้วยังสามารถขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่จะเข้ามา สำหรับเวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตของ GDP อย่างมาก จาก 7.08%+ ในปี 2024 รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าให้ปีนี้เติบโต 8% ซึ่งเราเชื่อว่า เขามีศักยภาพรองรับการเจริญเติบโตรวมถึงจากเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศ”
บริษัทมีแผนขยายการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง จาก “WHA Industrial Zone – Nghe An Zone 1” ที่จังหวัดเหงะอาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันขายที่ดินไปแล้วประมาณ 60% เรากำลังพัฒนา“WHA Industrial Zone – Nghe An Zone 2” และ “WHA Smart Technology Industrial Zone 1 – Thanh Hoa” ที่จังหวัดทัญฮว้า ได้รับใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุน (IRC) ตามกฏหมายการลงทุนในประเทศเวียดนามแล้ว กำลังจะมีการก่อสร้างภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ และ “WHA Smart Technology Industrial Zone 2 – Thanh Hoa” ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติการลงทุนในช่วงต้นไตรมาสที่ 2
“นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเนื้อที่ 2,500 ไร่ ที่สระบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้อยู่นอกเขต EEC แต่ใกล้กรุงเทพฯ สามารถเชื่อมต่อกับสนามบินได้สะดวก มีแหล่งน้ำซึ่งเป็นความจำเป็นของโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์”
“จะเห็นว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า WHAID จะเติบโตทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม แล้วในปีนี้เรายังจะมีแผนการศึกษาความเป็นไปได้ ในการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมในประเทศที่ 3 เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย”