“THAILAND 2019″ เมื่อคนเปลี่ยน แลนด์สเคปธุรกิจโลกเปลี่ยน ธุรกิจไทยจะก้าวไปอย่างไร

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา 09.30 ประชาชาติธุรกิจจัดสัมมนา “THAILAND 2019″ เมื่อคนเปลี่ยน แลนด์สเคปธุรกิจโลกเปลี่ยน ธุรกิจไทยจะก้าวไปอย่างไร ที่ ห้องแกรนฮอล์ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

“สมคิด” ยก 2019 หน้าเป็นปี Golden year

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า ในปี 2019 เป็นปีที่สำคัญมากๆ เรียนด้วยความซีเรียส เพราะเป็นปีที่เราเห็นทั้งโอกาสที่อยู่หน้าประตูบ้าน ขณะเดียวกันก็เห็นความเสี่ยงที่มาจากโลก และจากไทยของเราเอง เพราะโลกขณะนี้โฟกัสอยู่ที่เอเชีย และในเอเชียในใจตนเห็นว่าประเทศที่สำคัญมากๆ คือจีนกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเอเชีย ดังนั้น ในฐานะผู้บริหารเศรษฐกิจต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสองค่ายนี้และต้องก้าวลึกไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ค่ายอื่นตามเราทัน

“ถ้าเราสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMVT ประสานทุกฝ่ายได้ ประเทศไทยจะเริ่มมีโปรไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น ประเทศจีนขณะนี้กำลังโปรโมตโครงการ Belt and Road เชื่อมโยงจากจีนไปทุกทิศทุกทางโดยรถไฟ การค้าการขายการลงทุนจะไปอยู่เส้นทางรถไฟ เส้นทางที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุดคือเส้นทางที่มาสู่ทางใต้ ซึ่งคิดว่ามีประโยชน์กับไทยสูงที่สุด แม้จีนจะมีความขัดแย้งกับมาเลเซียเรื่อง Belt and Road แต่ภายใต้การเมืองที่อึมครึม ถ้าเราเชื่อมโยงกันได้โดย CLMVT แม้ยังไม่ผ่านมาเลเซีย แต่จะเติมเสน่ห์ให้กับไทย เมื่อเชื่อมโยงถึงชุมพร สุราษฎร์ธานี ตัดเป็นรถไฟรางคู่ที่ระนองจะเป็นการเชื่อมระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย จีน ญี่ปุ่น สนใจแน่นอน” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปเราต้องการบอกจีนว่ายุทธศาสตร์สำคัญของจีนต้องอาศัยการเชื่อมโยง ไม่ใช่เชื่อมโยงทีละประเทศ แต่เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ไทยเป็นกลุ่มของ CLMVT ขอให้ใช้ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ ปีหน้าไทยเป็นประธานอาเซียนพอดี โปรไฟล์ของไทยจะขึ้นไปสู่ระดับโลก ถ้ารู้จักคิดมุมใหม่ๆ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของภูมิภาคแห่งนี้ โปรไฟล์จะทำให้เด่นขึ้นมาทันที อีกทั้งปีหน้าหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซป ที่มีอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย เป็นหุ้นส่วนจะเกิดขึ้น แล้วไปเข้าร่วม CPTPP ที่มีญี่ปุ่น และสหรัฐเป็นหุ้นส่วน ปีหน้าจะเป็นปีสำคัญอย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ ได้หารือกับผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ซึ่งเดิมทีจะไปตั้งศูนย์กลางการค้าที่เวียดนาม แต่ขอให้มาตั้งที่เมืองไทย ซึ่งฮ่องกงเอาด้วย แต่ขอให้อำนวยความสะดวกแก่เขา หลังจากเปิดศูนย์แล้วการค้าการลงทุนจากฮ่องกงก็จะหลั่งไหลผ่านมาที่ไทย

คลิกอ่าน : “สมคิด” ยก 2019 หน้าเป็นปี Golden year ของการลงทุน ชี้เลือกตั้งต้องสมูท ด่าพอประมาณ อย่าเกิดจลาจลบนท้องถนน

“ศุภวุฒิ” ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยปี 62 โตชะลอตัว

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัย กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยในงาน Thailand 2019 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2562 ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับในปีนี้ ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 4.3% โดยปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศที่มีอัตราเติบโตดีอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป็นการเติบโตในหมวดการซื้อรถยนต์ค่อนข้างเยอะ การลงทุนภาคเอกชนอยู่ที่ 3.5% ส่วนด้านอื่นๆ ไม่ได้มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก นอกจากนี้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำและค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจไทยยังดูแข็งแกร่งและมีภูมิคุ้มกันค่อนข้างสูง

“เรามองว่าในปี 2562 เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยโตช้าลงจากปีนี้ ซึ่งเรามองว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยน่าจะโตต่ำกว่า 4% แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยด้านการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวและการส่งออกสินค้าที่มีการขยายตัวได้ในระดับนึง ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไปได้” นายศุภวุฒิกล่าว

นอกจากนี้สิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่เป็นเครื่องยนต์ใหม่ คือ โครงการโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี ที่ภาครัฐพร้อมผลักดันและสนับสนุน ซึ่งเห็นได้จากการเห็นชอบและการอนุมัติโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ถือเป็นการนำเอาทรัพย์สินปัจจุบันที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดความคุ้มค่า

คลิกอ่าน : “ศุภวุฒิ” ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยปี 62 โตชะลอตัว เตือนตั้งรับปัจจัยเสี่ยงตปท.-เฟดขึ้นดอกเบี้ยถี่

เปิด 10 เทรนด์ท่องเที่ยวปีหน้า! “ดุสิตธานี” ขยายเซกเมนต์คลุมบูทีค-สตาร์ตอัพ

นางศุภจี สุธรรมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand 2019 ที่จัดโดยประชาชาติธุรกิจว่า ในปี 2019 การท่องเที่ยวจะเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจการให้บริการไปสู่ธุรกิจการสร้างประสบการณ์ ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวให้สามารถมอบ Convenience Experience และ Value คือสร้างความสะดวกสบาย ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คุ้มค่าให้กับผู้บริโภค

โดย 10 เทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวโลก ได้แก่ 1.ผลกระทบของธุรกิจโมเดลใหม่ เช่น Airbnb 2.การพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อาทิ การเข้ามามีบทบาทของ AI 3.กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนจากเดิม อาทิ นักท่องเที่ยวตะวันตกถูกแทนที่ด้วยกลุ่มชนชั้นกลางในเอเชีย 4.การรวมสิ่งต่างๆ แบบ co-everything 5.การตลาดที่ Personality จะกลายเป็นคีย์สำคัญ 6.ระบบโครงสร้างสาธารณะจะสำคัญยิ่งขึ้น 7.การพบกันของระบบเก่ากับนักท่องเที่ยวใหม่ที่จะทำให้ต้องปรับปรุงระบบ 8.การท่องเที่ยวเชิง wellness จะได้รับความนิยม 9.การขาดแคลนแรงงานภาคท่องเที่ยว และ 10.การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โดยผู้ประกอบการจะต้องพัฒนาใน 3 ส่วน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและยืนอยู่ในตลาด คือ สร้างการตลาดรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบขององค์กรในทุกด้าน รวมถึงสร้างความประทับใจที่แตกต่างเพื่อยืนอยู่ในตลาดให้ได้ยาวนาน

นางศุภจีกล่าวต่อว่า ดุสิตธานีก็ได้มีการปรับตัวโดยการขยายธุรกิจที่เคยมุ่งเน้นการบริการแบบ full service ไปสู่เซกเมนต์อื่นๆ ในการทำธุรกิจ อาทิ การเปิดตัว ASAI แบรนด์ไลฟ์สไตล์บูทีค การร่วมลงทุนใน favstay สตาร์ตอัพแชร์ริ่ง เพื่อที่จะขยายการให้บริการออกไปให้ครอบคลุมทุกด้านและสร้างความประทับใจไปทั่วโลก

คลิกอ่าน : เปิด 10 เทรนด์ท่องเที่ยวปีหน้า! “ดุสิตธานี” ขยายเซกเมนต์คลุมบูทีค-สตาร์ตอัพ เตรียมรับท่องเที่ยวสู่ธุรกิจสร้างประสบการณ์

ปตท.พร้อมรับความท้าทายธุรกิจพลังงาน หลังแนวโน้มความต้องการพลังงานลดลง

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน ) กล่าวระหว่างงานสัมมนา Thailand 2019 ว่า อนาคตแนวโน้มด้านพลังงานน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้ ขณะที่ประเทศไทยก็มีการปรับตัวด้านการใช้พลังงานเช่นกัน และเริ่มใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายของบริษัทต้องปรับตัวรองรับในสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ที่ไปพร้อมกับความต้องการพลังงานรูปแบบใหม่ การลงทุนของภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการลงทุนสำรวจพลังงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวทันการแข่งขันที่เปลี่ยนไป

“จะเห็นว่ากลุ่มประเทศโอเปกจากอดีตที่ผลิตพลังงานออกมาประมาณ 70% ของความต้องการใช้พลังงาน แต่ปัจจุบันลดลงอยู่ที่ 40% เป็นเพราะมีหลายประเทศมีการผลิตพลังงานออกมามากขึ้น เช่น รัสเซีย แอฟริกาใต้ นอร์เวย์ และมีผลจากความต้องการใข้พลังงานน้ำมันเริ่มลด ใข้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น จากแนวโน้มการนำรถ EV เข้ามาใช้มี เช่นไทยมีประมาณ 1,000 คัน แม้จะปริมาณไม่มาก แต่อนาคตจะเติบโตมากขึ้น”

คลิกอ่าน : ปตท.เผยพร้อมรับความท้าทายธุรกิจพลังงาน ภายหลังแนวโน้มความต้องการพลังงานลดลง รูปแบบพลังงานเปลี่ยนไป

ธุรกิจ “ศูนย์การค้า” ถูกท้าทายทุกวินาที

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ภายใต้หัวข้อ Thailand 2019 ว่าการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นับตั้งแต่ 33 ปีก่อนที่ตัวเองได้เข้ามาดูแลและบริหารศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัพเวอรี่ และสยามพารากอน ซึ่งล้วนเจอกับความท้าทายไม่เพียงดิจิทัลดิสรัปชั่นในปัจจุบัน แต่ผ่านมาหมดทั้งวิกฤตค่าเงินบาท เศรษฐกิจ หรือรัฐประหาร การเมือง แต่เราก็ผ่านมาได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโชค และเราต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะหน้าที่เราคือการนำพาและสร้างความมั่นใจให้กับซัพพลายเออร์กว่า 1,000 รายที่อยู่ร่วมกัน

การทำธุรกิจรีเทลไม่มีวันสิ้นสุด เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกวินาที มีการบ้านให้คิดตลอด สอดคล้องกับแนวทางการทำธุรกิจของสยามพิวรรธน์ ซึ่งเราจะทำสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมและต้องเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในเมืองไทยเมื่อ 45 ปีก่อน หรือสยามพารากอนเมื่อ 13 ปีก่อน ที่เราทำให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำเร็จในการเป็น Pride of bangkok ติดอันดับในโกลบอลที่ทุกคนต้องมา รวมถึงการลงทุนครั้งล่าสุด 54,000 ล้านของไอคอนสยามที่จะสร้างปรากฏการณ์จุดพลุให้ทุกคนทั่วโลกเห็นเมืองไทยว่าเรามีดีขนาดไหน

คลิกอ่าน : “ชฎาทิพ” เผยธุรกิจ “ศูนย์การค้า” ถูกท้าทายทุกวินาที