GAME CHANGER PART II “สัณหวุฒิ” สานอาณาจักรมาสเตอร์กรุ๊ป ธุรกิจรถยนต์ครบวงจร

ย้อนหลังไปเมื่อปี ค.ศ. 2000 ใครจะคิดว่า “มิลเลนเนียม ออโต” ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ถนนพระรามสี่ ย่านคลองเตย ที่เพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่ง วันนี้จะกลายมาเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกธุรกิจยานยนต์ ภายใต้อาณาจักร “มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)” หรือเอ็มจีซี-เอเชีย ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายถึง 9 แบรนด์ โดยเฉพาะในกลุ่มรถลักเซอรี่ และด้วยโมเดลธุรกิจครบวงจรแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจยานยนต์ที่มีอายุเพียง 19 ปี ขณะที่คลื่นลูกเก่าของตระกูลดังในวงการรถยนต์หลายรายก็ล่าถอยยกธงขาว ทยอยออกจากธุรกิจนี้หรือลดบทบาทไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลพรประภา หรือตระกูลลีนุตพงษ์

สำหรับมาสเตอร์ กรุ๊ปฯนั้น ถือเป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูล “ธรรมชวนวิริยะ” ที่มี “ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงนั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ” ซีอีโอหนุ่มวัย 45 ปี แห่งเอ็มจีซี-เอเชีย

แม้ว่าในวงการจะมองมาสเตอร์ กรุ๊ปฯถือเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งวงการธุรกิจรถยนต์ที่มาแรง ด้วยการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว แต่ “ดร.สัณหวุฒิ” ยืนยันว่าแนวทางการทำธุรกิจจะค่อนข้าง “คอนเซอร์เวทีฟ” เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างก่อนที่จะเดินหน้าต้องศึกษาข้อมูลอย่างดี

เจ้าพ่ออาณาจักรลักเซอรี่คาร์

สำหรับอาณาจักรธุรกิจของมาสเตอร์ กรุ๊ปฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ถึง 9 แบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์หรู ถือว่าเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด

นอกจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ก็มีโรลส์รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, บีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด (บิ๊กไบก์) ,ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน, ฮอนด้า และเปอโยต์ ที่กำลังจะเปิดตัวทำตลาดในช่วงกลางปีนี้ หลังเจรจาความร่วมมือกับ “พีเอสเอกรุ๊ป” ประเทศฝรั่งเศส บริษัทแม่เปอโยต์

เรียกว่ากลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อคือเป้าหมายของเอ็มจีซี

และช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้ขยายฐานบุกลูกค้าที่เป็นตลาดแมสด้วยการทุ่มเงินกว่าพันล้านบาทเข้าซื้อโชว์รูม “ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล” ในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น 4 แห่ง ประกอบด้วยสาขาบางนา หัวหมาก อุดมสุข และสาขาพัฒนาการ พร้อมกับรับช่วงต่อการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า

ซีอีโอมาสเตอร์ กรุ๊ปฯอธิบายว่า แม้ว่าธุรกิจรถยนต์จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 15-20% ต่อปี แต่ด้วยนโยบายของบริษัทวางแนวไว้ชัดเจน ว่าต้องการเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ครบวงจร ไม่ใช่แค่การเป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเท่านั้น

เพราะการเป็นตัวแทนขายรถยนต์ การแข่งขันที่รุนแรงก็ทำให้มาร์จิ้นลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นการต่อยอดซัพพลายเชนออกไปก็เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและกระจายความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็เป็นการดูแลลูกค้าแบบครบวงจรด้วย

ยึดธุรกิจกลางน้ำ-ปลายน้ำ

ดร.สัณหวุฒิเล่าว่า ปัจจุบันมาสเตอร์ กรุ๊ปฯ ครอบคลุมถึง 8 กลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่ 1.ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 9 แบรนด์ 2.กลุ่มธุรกิจรถมือสอง ภายใต้บริษัท “มาสเตอร์ เซอร์ติฟาย ยูสคาร์” 3.กลุ่มธุรกิจรถเช่าทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวภายใต้แบรนด์ “ซิกซ์” (SIXT) 4.กลุ่มธุรกิจบริการ ทั้งฟาสต์ฟิต ขายอุปกรณ์เครื่องมือทำอู่ซ่อมรถ เช่น ลิฟต์ ฯลฯ ภายใต้บริษัท “เอ็มเอ็มเอส-บ็อซคาร์เซอร์วิส” 5.ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย (ฮาวเด้น อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ส) 6.กลุ่มธุรกิจให้บริการศูนย์สารสนเทศ 7.กลุ่มธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร เพื่อป้อนคนเข้าสู่อุตฯยานยนต์ และ 8.กลุ่มธุรกิจเรือยอชต์ “อะซิมุท” (Azimut)

ภาพชัดเจนก็คือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจยานยนต์ตั้งแต่กลางน้ำ-ปลายน้ำ ขาดแค่ “ต้นน้ำ” คือการเป็นผู้ผลิตหรือประกอบรถยนต์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ดร.สัณหวุฒิยืนยันว่า บริษัทคงไม่ก้าวไปตรงจุดนั้น เพราะการก้าวไปเป็นผู้ผลิตหรือประกอบรถยนต์ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และต้องมีความเชี่ยวชาญพอสมควร แต่เรามองไปที่การขยายกลางน้ำและปลายน้ำให้ครอบคลุมมากขึ้น หรือเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่มุ่งตอบโจทย์ตามทิศทางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น ตอนนี้กำลังศึกษาความเป็นไปเรื่องการทำธุรกิจ “คาร์แชริ่ง”

“คนรุ่นใหม่พฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก แม้ว่าคนไทยจะนิยมหรือมีความต้องการเป็นเจ้าของรถสูงกว่าหลาย ๆ ประเทศ แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนที่สนใจคาร์แชริ่ง เรากำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง หัวใจหลักใหญ่ของเรื่องนี้คือแพลตฟอร์มที่จะเอามาใช้รองรับ ซึ่งเรากำลังมองอยู่ มีหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ”

แต่เรื่องนี้สำหรับประเทศไทยไม่ง่ายและไม่เร็ว ใช้เงินลงทุนสูง ต้องศึกษาให้ดี เพราะบริการ “คาร์แชริ่ง” ต้องลงทุนซื้อรถ รวมทั้งต้องมีสถานที่จอดรถกระจายอยู่อย่างทั่วถึง กว่าจะถึงจุดนี้อาจต้องใช้เวลาอีก 10 ปีจะทำแต่ทุกอย่างเราต้องวางแผนเพื่ออนาคต เพราะถึงตอนนั้นมาเริ่มต้นก็ไม่ทันแล้ว

รุกดิจิทัลรับเกมธุรกิจโลกใหม่

ดร.สัณหวุฒิเล่าว่า มาสเตอร์ กรุ๊ปฯทำธุรกิจถึงปีนี้ 19 ปี ล้มลุกคลุกคลานลองผิดลองถูกมาเยอะ แต่พอจับทางได้ก็ต้องเดินให้มั่นคง ยิ่งโลกวันนี้เจอการขยายตัวของเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล ที่เปลี่ยนทุกไลฟ์สไตล์และทุกความต้องการของผู้บริโภคไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุก ๆ อุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและเขย่ากลยุทธ์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าและเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ธุรกิจ

ปีนี้มาสเตอร์ กรุ๊ปฯ ประกาศวิสัยทัศน์เพื่อรับมือกับดิจิทัลดิสรัปชั่นอย่างชัดเจน ด้วยการเพิ่มความพร้อมด้านดิจิทัล เราใช้เม็ดเงินลงทุนเยอะมากสำหรับการก้าวสู่ดิจิทัล 5.0 อย่างเต็มรูปแบบ ผมคุยเรื่องนี้กับทีมงานและเตรียมความพร้อมให้กับทุกหน่วยธุรกิจในเครือ รองรับ Digital Transformation ที่กำลังจะเกิดขึ้น เซตอัพทีมด้านดิจิทัล มีคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงเข้ามาทำงาน

และที่สำคัญคือนำระบบมาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่น มาใช้กับฐานลูกค้าของเราที่มีกว่า 500,000 ราย รวมถึงลูกค้าที่คาดหวังกว่า 700,000 ราย ทำการวิเคราะห์ ประมวลผลความต้องการและยกระดับการสื่อสาร พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ โดยเพิ่มแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาเสริมเพื่อสร้างบริการที่ง่ายและสะดวก

รวมถึงการทำแอปพลิเคชั่นสำหรับรถเช่า “ซิกท์” ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และการริเริ่มทำ “ดิจิทัลโชว์รูม” ของแต่ละแบรนด์ สามารถเลือกซื้อช็อปแบบออนไลน์เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน

อยู่ทุกที่ที่มีผู้บริโภค

โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รถยนต์ไฟฟ้า รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ กำลังจะพลิกบทบาทของอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ แม้เราจะมองว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่สำหรับมาสเตอร์ กรุ๊ปฯ เราไม่ประมาท ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ เช่นเดียวกับแนวคิดเรื่องธุรกิจคาร์แชริ่ง

หรือการช็อปออนไลน์ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แม้ในการขายรถยนต์ก็ต้องให้ความสำคัญ แต่ระหว่างรอการเปลี่ยนเราก็ยังต้องเข้าให้ถึงลูกค้าทุกช่องทาง

ภาพหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คือ การที่โชว์รูมรถยนต์เข้าไปยังศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยม ทั้งพารากอนและไอคอนสยาม แทนที่จะไปตั้งอยู่สแตนด์อะโลนเหมือนที่ผ่านมา เพราะพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป สำหรับเรานี่คือการเข้าไปหาลูกค้า ที่เข้ามาชมถือเป็นลูกค้าคาดหวัง ซึ่งในที่สุดก็เข้ามาเป็นลูกค้าจริง ๆ ของเรา ปัจจุบันเรามีโชว์รูมในไอคอนสยามถึง 6 แบรนด์ ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ฝั่งธนบุรี

โจทย์ความท้าทายของตัวแทน

ดร.สัณหวุฒิอธิบายถึงความท้าทายของการเป็นตัวแทนผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อหลากสัญชาติว่า สไตล์แต่ละชาติไม่เหมือนกันจริง ๆ ถ้าทำธุรกิจกับคนจีนก็ต้องเน้นเรื่องความแม่นยำของเอกสาร ถ้าเป็นค่ายฝรั่งเศส-เยอรมนียึดหลักกฎหมาย แต่สุดท้ายผมว่ารีเลชั่นชิปสำคัญสุด ซึ่งจะทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย ก็ถือเป็นเรื่องถนัดของเราซึ่งมีความอ่อนน้อมแบบไทยปนจีน

แต่ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญของผู้ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ยังไม่มีการพูดถึงสักเท่าไหร่ก็คือ ปัญหาข้อกฎหมายที่ประเทศไทยไม่มีกฎหมายที่คุ้มครองตัวแทนจำหน่าย ทำให้เจ้าของสินค้าหรือค่ายรถมีอำนาจเหนือคู่สัญญา ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรเข้ามาช่วยดูแลเพื่อความเป็นธรรม ยกตัวอย่าง แค่มีข้อพิพาทต้องไปขึ้นศาลบ้านเขา แค่นี้เราก็แย่แล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกเยอะที่เสียเปรียบ ซึ่งถ้าเป็นยุโรปจะมีกฎหมายคุ้มครองตัวแทนจำหน่ายไม่ให้เกิดความเสียหาย

ปีหน้าฉลองใหญ่ 5 หมื่นล้าน

ซีอีโอมาสเตอร์ กรุ๊ปฯระบุถึงเป้าหมายปีหน้าว่า ปี 2020 เป็นปีที่มาสเตอร์ กรุ๊ปฯจะมีอายุครบ 20 ปี เป้าหมายสำคัญคือจะมียอดขายถึง 50,000 ล้านบาท ควบคู่กับแผนการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ ๆ เช่นเรื่องคาร์แชริ่ง และหวังสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป้าหมายธุรกิจของมาสเตอร์ กรุ๊ปฯไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทย แต่ต้องการขยายตลาดไปประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนด้วย

แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เปิดตลาดในส่วนการขายรถ แต่กลุ่มธุรกิจรถเช่าได้นำร่องขยายเข้าไปในอาเซียนแล้ว ภายใต้แบรนด์ “ซิกท์” (SIXT) ล่าสุดได้เปิดตัวซิกท์สาขาหลวงพระบาง ถือเป็นสาขาที่ 20 ของ SIXT ในอาเซียน ปัจจุบันมี 12 สาขาทั่วประเทศไทย 6 สาขาที่มาเลเซีย และ 2 สาขาที่ สปป.ลาว

ดร.สัณหวุฒิย้ำว่า องค์กรจะพัฒนาและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องอาศัยบุคลากรที่มีคุณภาพ จึงให้ความสำคัญด้านการเฟ้นหาบุคลากร, วางแผนอัตรากำลังคน รวมถึงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ ขณะเดียวกันในเครือก็มี “มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” (MAT) เป็นศูนย์ฝึกทักษะเกี่ยวกับยานยนต์ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลายบริษัทที่มีชื่อเสียง ส่งบุคลากรเข้าอบรม เพื่อกระจายคนไปยังทุกกลุ่มธุรกิจ

ซึ่งเราเชื่อว่านอกจากจะช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมืออาชีพ ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างอุตสาหกรรมให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย