“อภิศักดิ์” ถามแบงก์ชาติ “ทำไมไม่ลองลดดอกเบี้ย”

สถานการณ์ค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมยังแข็งค่ามากกว่าคู่แข่งทางการค้า ทำให้หลายฝ่ายอดกังวลไม่ได้ถึงผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งยังตั้งคำถามกันถึงการบริหารนโยบายการเงิน ว่ามีส่วนช่วยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทยอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายการคลังแล้วหรือไม่ ล่าสุด ปลัดกระทรวงการคลัง จี้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” รมว.คลัง ถึงประเด็นร้อนนี้

Q : ปลัดคลังเสนอให้ ธปท.ลดดอกเบี้ยช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาท

ธปท.จะใช้มาตรการอะไร เขาก็เป็นคนคิด เพราะว่าเป็นอำนาจของเขา ในการดูแลนโยบายการเงิน ธปท.ต้องทำหน้าที่ของเขา อยู่ที่ว่าเขาทำหรือยัง เพราะการแทรกแซงก็ไม่ดี เป็นต้นทุน แต่ก็ต้องทำเพื่อองค์รวม

Q : ถ้าลดดอกเบี้ยจะช่วยได้แค่ไหน

เรื่องการ “ลดดอกเบี้ย” ก็มีหลายแนวคิด ถ้าแนวคิด ธปท.ก็จะมองว่าลดไปก็แค่นั้น ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะเศรษฐกิจกำลังโตแล้ว ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ธปท.บอกว่า เป็นเพราะว่าสินค้าราคาถูกลง ไม่ใช่เกิดจากคนไม่ใช้ คือเป็นปัญหาเรื่องซัพพลาย ไม่ใช่ด้านดีมานด์

ขณะที่นักวิชาการบางส่วนก็มองว่า ในเมื่อมีเครื่องมือทางการเงินอยู่ ทำไม ธปท.จึงไม่ลองใช้ดู จะไปบอกแต่ว่าทำแล้วไม่ได้ผล รู้ได้ยังไง เพราะยังไม่เคยลองทำ เหมือนกับสมัยก่อนสหรัฐจะออกนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก็มีแต่คนมองว่า ในทางทฤษฎีทำไม่ได้อยู่ดี ๆ ปั๊มเงินออกมา แล้วลดดอกเบี้ยจนติดลบ เป็นไปไม่ได้ แต่อเมริกาก็เริ่มทำเพราะไม่มีทางออก ไม่มีทางเลือก แล้วก็ได้ผลพอสมควร

นักวิชาการก็เลยบอกว่า ในเมื่อไม่เคยลองแล้วรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ได้ผล เพราะถ้าลดดอกเบี้ยแล้วจะได้ผล 2 ส่วน คือ จะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจด้วย แทนที่จะปล่อยให้การเจริญเติบโตโดยนโยบายการคลังอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา 2 ปีที่ใช้นโยบายการคลังอย่างเดียว นโยบายการเงินไม่ได้เข้ามาช่วย ทั้งที่ความเสี่ยงทางการเงินก็น้อยเงินเฟ้อก็ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ฉะนั้นการลดดอกเบี้ยก็จะช่วยกระตุ้นให้เงินเฟ้อกลับเข้าไปอยู่ในกรอบเป้าหมายได้ ซึ่งปีที่แล้วก็หลุดกรอบไปแล้ว ปีนี้ทำท่าว่าจะหลุดกรอบ จึงมีคำถามว่า ถ้าเงินเฟ้อหลุดกรอบ ธปท.ได้ทำอะไรแล้วหรือยัง จะต้องทำอะไรไหม ขณะที่มีคนมองว่าถ้าลดดอกเบี้ยจะเป็นการส่งสัญญาณที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงได้ ค่าเงินบาทไม่แข็งมาก

“แนวคิดมี 2 ฝั่ง แต่จะออกมาฝั่งไหนก็ตาม คนตัดสินใจคือ ธปท. เพราะเขาเป็นคนคุมนโยบายการเงิน ซึ่งของอย่างนี้ไม่มีทางรู้หรอกว่า ถูกหรือผิด จนกระทั่งทำไปแล้วถึงจะรู้ แต่ในฐานะกระทรวงการคลัง คงเข้าไปยุ่งกับนโยบายการเงินไม่ได้ คือคุยได้ บอกว่าคนอื่นคิดอย่างนี้ คุณคิดอย่างไร แต่ถ้าเขาไม่เชื่อ ก็ต้องเป็นเรื่องที่เขาจะทำ คลังก็คงไม่ไปบอกว่าคุณต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้”

Q : จะมีมาตรการการคลังเพิ่มอีกหรือไม่

สำหรับกระทรวงการคลัง ได้ใช้นโยบายการคลังทำทุกอย่างเท่าที่จะช่วยได้ ทั้ง ๆ ที่บางอย่างก็ไม่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ล่าสุดก็มีการปรับเงื่อนไขอนุญาตให้นิติบุคคลต่างชาติมาออกพันธบัตรสกุลเงินบาท (บาทบอนด์) ในประเทศไทย โดยยอมให้มีการแลกเป็นเงินตราต่างประเทศนำออกไปนอกประเทศไทยได้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน โดยรอบนี้จะอนุญาตให้ออกบาทบอนด์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าคือ วันนี้ไปถึงเดือน ก.พ. 2561

Q : มีความกังวลกับค่าเงินบาทแค่ไหน

การที่เงินบาทแข็งค่ากว่าสกุลเงินของประเทศคู่แข่งขันทางการค้า จะทำให้ไทยแข่งขันไม่ได้ หากเป็นกรณีเงินดอลลาร์อ่อนค่า แล้วทำให้เงินบาทแข็ง แบบนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่เงินบาทก็ควรแข็งค่าในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง ไม่ใช่แข็งค่ากว่าคนอื่นเหมือนขณะนี้ ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็มีมาบ่นว่าทำไมไม่ดูแล แต่คนดูแลจริง ๆ ก็คือ ธปท. คลังไปคุมเขาไม่ได้ แต่การที่บาทแข็งก็มีผลทำให้รายได้จากการขายสินค้าแปลงเป็นเงินบาทมีมูลค่าน้อยลง กำไรในประเทศก็น้อยลง

Q : การลดดอกเบี้ยจะสวนกระแสโลกที่เป็นดอกเบี้ยขาขึ้นไหม

ไม่ได้สวนกระแส เพราะล่าสุดอินโดนีเซียก็เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ย เรื่องนี้ต้องแล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละประเทศ เพราะที่ผ่านมาเราคาดการณ์ว่า ปีนี้สหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง แต่ก็ขึ้นแค่ครั้งเดียว เท่ากับยังมีช่องว่างจากที่เราคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง นี่ขึ้นแค่ครั้งเดียว แล้วทำไมจะไม่ลดดอกเบี้ยลงมาให้ช่องว่างลดลง

Q : ทั้งหมดนี้คือคุยกับ ธปท.แล้ว

ก็เล่าให้ ธปท.ฟังว่าเขาคิดกันอย่างนี้ แล้วเขาจะคิดอย่างไรเขาก็ไปคิด

Q : ในฐานะรัฐบาลที่ต้องดูแลภาพรวมเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาอุปสรรคไหม

ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เศรษฐกิจก็ยังโตเพียงแต่ถ้ามีกำลังหนุนจากนโยบายการเงินหน่อยก็ดี เราก็จะได้วิ่งเร็วขึ้น ถ้าไม่หนุนก็ไม่เป็นไร เราก็เดินของเราได้