โลตัสส่ง “Jungle Café-Arabitia” 2 คาเฟ่คุณภาพ เอาใจคอกาแฟพรีเมี่ยมในราคาเอื้อมถึง

ตลาดกาแฟในไทยที่มีมูลค่ากว่า 4.2 หมื่นล้านบาท ทั้งยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง ทำให้ โลตัส (Lotus’s) เห็นโอกาสที่ยังเปิดกว้าง จึงส่ง Jungle Café (จังเกิ้ลคาเฟ่) และ Arabitia (อราบิเทีย) 2 แบรนด์คาเฟ่ตัวเลือกใหม่ ชูจุดเด่นที่วัตถุดิบชั้นดีในราคาย่อมเยา ชิมลางตลาด เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นฐานลูกค้าโลตัส โก เฟรช และโลตัส 

ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มโลตัสส์ เอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นประเทศจีน เผยว่า เนื่องจากเทรนด์การบริโภคชากาแฟยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โลตัสจึงพัฒนาคาเฟ่ 2 แบรนด์ 2 สไตล์ จำหน่ายกาแฟคุณภาพสูงในราคาเป็นมิตร สอดคล้องกับความตั้งใจของโลตัส ที่ต้องการมอบประสบการณ์ “ “รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส” แก่ลูกค้าทุกคน

“ร้านกาแฟทั้งสองแบรนด์ต่างมีความโดดเด่นต่างกัน Jungle Café จำหน่ายใน โลตัส โก เฟรช สาขาขนาดกลางและเล็ก ส่วน Arabitia จำหน่ายในโลตัส ที่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทั้งสองแบรนด์เน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำมาเป็นเมนูเครื่องดื่มทั้งกาแฟ ชา ช็อคโกแลต และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีเบเกอรี่อบสด และเมนูข้าวกล่องปรุงใหม่วันต่อวันจำหน่าย เพื่อตอบความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า” ดร.นริศ อธิบาย

Jungle Café มาพร้อมคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟสะดวกซื้อ ให้บริการในโลตัส โก เฟรช กว่า 1,500 สาขาทั่วประเทศ ตอบโจทย์ผู้ต้องการความสะดวกรวดเร็ว มีเมนูชูโรงคือกาแฟสดระดับพรีเมียม ที่ผสมความกลมกล่อมจากอาราบิก้าและโรบัสต้า ที่มาในราคาย่อมเยา

หรือหากใครชอบดื่มชา ก็มีเมนู “บุกแบล็คชูการ์” ชานมไต้หวันแท้ ผสมบุกอร่อยเคี้ยวเพลินหนุบหนับ ถูกใจคนที่ต้องการรสชาตินุ่มละมุน เติมเต็มความสดชื่นให้ร่างกาย

การดื่มกาแฟที่ Jungle Café ยังเป็นการตอบแทนสังคมได้อีกทาง เพราะโลตัสจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย เพื่อใช้อนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ต่อยอดจากแนวคิด “Drink More for Forest” ที่ต้องการเห็นสิ่งแวดล้อมดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน

ส่วน Arabitia ซึ่งตั้งอยู่ในโลตัสกว่า 70 สาขา มาในรูปแบบโมเดิร์นคลาสสิก ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความย้อนยุคได้อย่างลงตัว พร้อมเลือกสรรวัตถุดิบชั้นดีจากเกษตรกรในภาคเหนือของไทย อาทิ 

– กาแฟน่าน สายพันธุ์อาราบิก้า ปลูกบนพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ของป่าต้นน้ำ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน นำมาแปรรูปแบบพิเศษโดยไม่เกิดน้ำเสีย และไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

– กาแฟปางขอน สายพันธุ์อาราบิก้า ปลูกโดยวิสาหกิจชุมชนบนดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเล โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย

– กาแฟดอยช้าง เฮราโมน จากภูมิปัญญาชนเผ่าอาข่าบนบ้านดอยช้าง จังหวัดเชียงราย ปลูกบนพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับปลูกกาแฟที่สุดในประเทศไทย และไม่ใช้สารเคมีใดๆ ตั้งแต่กระบวนการเพาะกล้าจนถึงกระบวนการคั่ว การันตีคุณภาพด้วยรางวัลชนะเลิศโล่พระราชทานจากการประกวดสารกาแฟประจำปี 2561 

– กาแฟไล่โว่ ปลูกโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร บริเวณที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรทำงานอนุรักษ์ผืนป่า 

– กาแฟทีลอซู กาแฟออร์แกนิก ผลิตจากความร่วมมือของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรและชุมชนใกล้เคียง ที่ปลูกกาแฟออร์แกนิกใต้ร่มเงาผืนป่า ทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและการใช้สารเคมี

นอกจากนั้น Arabitia ยังมีบริการเสริมเพิ่มเติมจากบริการเครื่องดื่มและอาหารที่ร้าน รวมทั้งการจัดส่งถึงที่ และยังรับบริการจัดเลี้ยงสำหรับโอกาสต่างๆ อาทิ ชุดอาหารว่างสำหรับการประชุม ชุดอาหารกลางวัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและหน่วยงานต่างๆ อีกด้วย

หากใครกำลังมองหาร้านกาแฟที่พร้อมเสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบระดับพรีเมียมในราคาเข้าถึงได้ง่าย Jungle Café และ Arabitia ก็เป็นตัวเลือกที่ดีต่อใจคอกาแฟทั่วไทยอยู่ไม่น้อย