ธุรกิจตั้งการ์ดสูงรับมือโอไมครอน ต้านล็อกดาวน์หวั่นเศรษฐกิจทรุด

ต่างชาติ นักท่องเที่ยว
Photo by Mladen ANTONOV / AFP

สภาอุตฯ-หอการค้า ประสานเสียงวอนรัฐบาลอย่าใช้มาตรการเข้มล็อกดาวน์โอไมครอน หลัง สธ.ยกระดับเตือนภัยระดับ 3 หวั่นกระทบเศรษฐกิจทรุด จี้เร่งวัคซีน-บูสเตอร์เข็ม 3 เอกชนตั้งการ์ดเตรียมพร้อม “แฟกตอรี่แซนด์บอกซ์” สกัดคลัสเตอร์โรงงาน กกร.เตรียมประชุมนัดแรก 11 ม.ค. 65 ทบทวนตัวเลขจีดีพีปี’65 ขณะที่ท่องเที่ยว “เหนือ-อีสาน” คึกคัก ไม่มีสัญญาณยกเลิกห้องพัก ส่วน “เกาะช้าง-ภูเก็ต” เจอลูกค้าต่างชาติยกเลิกยาวหลังปิดระบบ Test and Go

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับแจ้งเตือนภัยในระดับ 3 “สีส้ม” จากที่การติดเชื้อจากต่างประเทศและการระบาดในประเทศของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มมากขึ้นรวมกว่า 500 คน จาก 16 จังหวัด หวั่นเทศกาลปีใหม่ตัวเลขติดเชื้อพุ่ง สธ.ขอความร่วมมือเรื่องปฏิบัติตามมาตรการ COVID-19 free settings อย่างเคร่งครัด จำกัดการรวมกลุ่ม มาตรการคัดกรองสำหรับผู้เดินทางขนส่งสาธารณะช่วงเทศกาล รวมทั้งให้ทำงานจากที่บ้าน (WFH) หลังปีใหม่ที่มีการเดินทางไปต่างจังหวัดจำนวนมาก

เอกชนยันพร้อมรับมือ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ขณะนี้แม้สายพันธุ์โอไมครอนจะมีอัตราการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว ติดเชื้อกว่า 500 คน แต่ไม่เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังไม่มีผู้ป่วยแสดงอาการรุนแรง หากเทียบกับไวรัสนิปาห์ที่แพร่ระบาดในอินเดียซึ่งน่ากังวลมากกว่า

“ศบค.ยังให้จัดงานปีใหม่ได้แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ถือเป็นมาตรการที่เหมาะสม เอกชนหวังว่าจะไม่มีการประกาศใช้มาตรการขั้นรุนแรงล็อกดาวน์ เพราะจะกระทบเศรษฐกิจ รัฐควรเร่งการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้เร็วจะดีกว่า โดยเฉพาะในต่างจังหวัดต้องกระจายให้ทั่วถึง ห่วงที่สุดคือจังหวัดที่อัตราการเข้าถึงวัคซีนน้อย ส่วนมาตรการคุมเข้มแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดจะพิจารณา”

สกัดคลัสเตอร์โรงงาน

ในส่วนของภาคเอกชนต้องเตรียมพร้อม ใช้ทุกมาตรการไอโซเลชั่นต่าง ๆ เพื่อรับมือและป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์โรงงาน หากเกิดขึ้นจะกระทบภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ

“เราไม่ห่วงเรื่องการเตรียมมาตรการของเอกชน เพราะทุกรายมีบทเรียนจากครั้งที่ผ่านมาอยู่แล้ว แต่ห่วงมาตรการที่ภาครัฐจะออกมามากกว่า”

สอดคล้องกับนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รัฐบาลต้องเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง และเร่งการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 โดยเร็ว แต่ไม่ควรมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือปิดประเทศ

ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น ในสหภาพยุโรปหลายประเทศแม้มีการกลับมาแพร่ระบาด ก็ยังเปิดดำเนินการปกติ เพียงเพิ่มมาตรการเข้มงวด เช่น ในออสเตรียการเข้าร้านอาหาร โรงแรม ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีน ขณะที่ไทยมีมาตรการเข้มงวดมาก ทั้งเว้นระยะห่าง ใส่แมสก์ ตรวจ ATK โดยเฉพาะภาคการผลิต ขณะนี้ทุกโรงงานเพิ่มความระมัดระวังมีการใช้แฟกตอรี่แซนด์บอกซ์ต่อเนื่องมาจากครั้งก่อน เพื่อไม่เกิดแพร่ระบาดในโรงงานหลังกลับบ้านช่วงปีใหม่

กกร.ประชุมทบทวนจีดีพี

นายสุพันธุ์กล่าวว่า สถานการณ์โอไมครอนที่แพร่กระจายรวดเร็ว ไม่ได้เกินความคาดหมาย โดยในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ครั้งก่อน ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2565 จะขยายตัว 3-4.5% แต่หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น ยังต้องพิจารณาอัตราผู้เสียชีวิตและอัตราการฉีดวัคซีนควบคู่กันไปก่อนที่จะมีประชุม กกร. เพื่อทบทวนตัวเลขจีดีพีวันที่ 11-12 ม.ค.นี้

เที่ยวอีสานตามรอยพญานาค

ในส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวของคนไทย นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าภาคอีสาน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าคนหลั่่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดในภาคอีสานจำนวนมาก ทั้งจากกระแสพญานาค ทั้งที่ถ้ำนาคา จ.บึงกาฬ, คำชะโนด จ.อุดรธานี, พญาศรีสัตตนาคราช จ.นครพนม รวมถึงการชมทะเลหมอก และมีนักลงทุนลงพื้นที่มาดูเรื่องรถไฟจีน-ลาวที่จังหวัดหนองคาย

กรณีกระทรวงสาธารณสุขออกมาแจ้งเตือนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยเป็นระดับ 3 ถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทุกคนฉลองปีใหม่ด้วยความระมัดระวัง

รร.เชียงใหม่ไม่เอฟเฟ็กต์

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่เริ่มขยายวงกว้างยังไม่กระทบยอดจองห้องพักโรงแรมในเชียงใหม่ ยอดจองล่วงหน้าราว 90% ในช่วงปีใหม่ยังเป็นปกติ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยซึ่งเริ่มทยอยเข้าพักตั้งแต่วันคริสต์มาส

นักท่องเที่ยวเป็นคนไทย 95% ส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เน้นความปลอดภัย ใส่ใจเรื่องสุขอนามัย และเลือกการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ขณะที่โรงแรมที่พักในเชียงใหม่ได้สร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้ง SHA SHA+ และมาตรการ COVID Free Setting จึงเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจที่จะเดินทางท่องเที่ยว

ต่างชาติเบรกเข้าภูเก็ต

นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง และเจ้าของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ภูเก็ต ป่าตอง บีช เซ็นทรัล กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่ ศบค.ยกเลิกระบบ Test & Go ผู้เดินทางจากต่างประเทศ แต่ยังเปิดให้เข้ามาผ่านภูเก็ตแซนด์บอกซ์ได้ หลายโรงแรมบอกตรงกันว่า มีนักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องบ้าง แต่ไม่มาก แต่การจองใหม่ไม่มีเข้ามา คงรอดูหลังวันที่ 4 ม.ค. 2565

ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการหลายรายลงทุนรีโนเวตโรงแรม และรับพนักงานเพิ่มจำนวนมาก เพราะต่างหวังว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงปีใหม่ หลายโรงแรมปิดมา 2 ปี เตรียมจะเปิดตัวต้นปี 2565

เกาะช้างวูบ 60% เลื่อน-ยกเลิก

นางสุภรณ์ สลักเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท The Sea Club จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน พ.ย. มีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาแบบ Test and Go ส่วนใหญ่พักยาว 20-30 วัน ช่วงปลาย ธ.ค. 64-ม.ค. 65 อัตราจองห้องพักเพิ่มขึ้นเป็น 80% แต่พอประกาศระงับการเดินทางแบบ Test and Go ลูกค้าต่างชาติก็ยกเลิกและเลื่อนการเดินทาง 30-40% ที่จ่ายเงินมาแล้วแต่ลง Thailand Pass ไม่ได้ ก็ยกเลิกซึ่งต้องโอนเงินกลับให้ครบ

ด้านนายสารพล ประศาสน์ศิลป์ ผู้บริหารคลองพร้าว รีสอร์ท เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวว่า นักท่องเที่ยวไทยเลื่อนเดินทาง 20-30% ส่วนต่างชาติยกเลิกไปเลย ถ้าหลังวันที่ 4 ม.ค. รัฐบาลบล็อกยาวมีผลกระทบแน่นอน แม้แต่นักท่องเที่ยวไทย ซึ่งช่วงเปิดประเทศได้เตรียมความพร้อมดึงบุคลากรกลับมาทำงาน ทำมาตรฐาน SHA+ ทั้งพนักงานและโรงแรม หมายถึงรายจ่ายที่สูงขึ้น