“ไทยกรุ๊ป” สปีดเพิ่มรายได้ บินโค้ดแชร์ร่วม 3 แอร์ไลน์

“บินไทย” เร่งแผนยุทธศาสตร์ “ไทยกรุ๊ป” สร้างความแข็งแกร่ง-เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทุกเซ็กเมนต์ เดินหน้ากลยุทธ์โค้ดแชร์ ผนึกกำลัง “บินไทย-ไทยสมายล์-นกแอร์” ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ พร้อมตอบโจทย์นโยบายเที่ยวเมืองรอง

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ได้มีมติจัดตั้ง “ไทยกรุ๊ป” เพื่อบริหารจัดการด้านต้นทุนของสายการบินในเครือข่ายทั้ง 3 สายการบินของบริษัท ขณะนี้บริษัทได้เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ไทยกรุ๊ปมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้ง 3 สายการบินให้มีศักยภาพในการแข่งขันในทุกเซ็กเมนต์ และมีโอกาสทางด้านการขายที่กว้างมากยิ่งขึ้น ทั้งในตลาดพรีเมี่ยมและโลว์คอสต์แอร์ไลน์

ล่าสุดทั้ง 3 สายการบิน คือ การบินไทย ไทยสมายล์ และนกแอร์ ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเที่ยวบินร่วมบริการ (โค้ดแชร์) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผนึกเครือข่ายตามยุทธศาสตร์ไทยกรุ๊ปที่สมบูรณ์เป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำการตลาดและการขายระหว่างสายการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ไปแล้วหลายเส้นทาง อาทิ กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง (ลาว), กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน) เป็นต้น โดยในเส้นทางดังกล่าวนี้ ไทยกรุ๊ปทำการบินโดยสายการบินไทยสมายล์ โดยมีการบินไทยช่วยทำการตลาดและการขาย

นางอุษณีย์กล่าวว่า เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-แม่ฮ่องสอนนี้ ไทยกรุ๊ปจะทำการบินโดยสารการบินนกแอร์ โดยมีการบินไทยและไทยสมายล์เป็นตัวช่วยในการทำการตลาดและการขาย ซึ่งเชื่อมั่นว่าแผนยุทธศาสตร์นี้จะเป็นกลยุทธ์ที่วิน-วินกันทั้ง 3 สายการบิน และเชื่อมั่นว่าในระยะยาวแล้ว ยุทธศาสตร์นี้จะตอบโจทย์ในเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน รายได้ และกำไร ของทั้ง 3 สายการบินได้แน่นอน

นอกจากนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงของสนามบินหลักทั้ง 2 แห่งในกรุงเทพฯ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นฐานการบินของสายการบินไทย และไทยสมายล์ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นฐานการบินของสายการบินนกแอร์

“ก่อนหน้านี้ เราทำงานร่วมกับไทยสมายล์ได้ก่อน เพราะว่าไทยสมายล์ได้ทำการปรับเปลี่ยนระบบการขายตั๋วมาเป็นอะมาดิอุสอัลเทีย ซึ่งเป็นระบบเดียวกับการบินไทย ส่วนเส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอนนี้จะเป็นเส้นทางแรกที่ทดลองทำการตลาดร่วมกันของทั้ง 3 สายการบิน และมีแผนจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยแนวทางการทำการตลาดและการขายในรูปแบบโค้ดแชร์ของทั้ง 3 สายการบินนี้ จะทำให้ทั้งยอดขายโดยรวมของทั้ง 3 สายการบินเติบโตเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 5%”

นางอุษณีย์ย้ำว่า กลยุทธ์นี้นอกจากเป็นการเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ “ไทยกรุ๊ป” แล้ว ยังเป็นการตอบรับนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และช่วยกระจายรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองของสายการบินไทยเครือข่ายทั้ง 3 แห่งด้วย รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้แก่สายการบินในเครือข่ายของบริษัทการบินไทย ในตลาดภายในประเทศให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการแข่งขันที่ดีขึ้นด้วย

ด้านนายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความพร้อมในการให้บริการว่า นกแอร์มีเครื่องบินเอทีอาร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาด 72 ที่นั่ง อยู่ในฝูงบินอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมที่จะทำการบินไปยังแม่ฮ่องสอนได้ทันที ทำให้การดำเนินงานต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วตามกรอบและแผนงานที่ได้วางไว้

โดยเบื้องต้นจะทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือ วันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ และเริ่มทำการบินเที่ยวบินแรกในวันที่ 25 มีนาคมนี้ เป็นต้นไปคาดว่าเส้นทางบินใหม่นี้จะได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศดี มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม อีกทั้งแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพ จึงคาดว่าจะสามารถขนส่งนักท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ราวปีละ 20,000 คน


เช่นเดียวกับ นายฉัตรชัย ปานอยู่ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ ที่กล่าวว่า ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในครั้งนี้นอกจากจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวขานรับนโยบายเที่ยวเมืองรองเท่านั้น แต่ยังจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าของไทยสมายล์ ในการเดินทางท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ในเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และทำให้ธุรกิจการบินของทั้งกลุ่มไทยกรุ๊ปมีศักยภาพในการแข่งขันและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย