ศบค.คลายล็อกจัด “อีเวนต์” 300 คน ไม่ต้องขออนุญาต

คลายล็อกอีเวนต์

ธุรกิจโอเค ! ศบค.คลายล็อก ไฟเขียวห้างเปิดยาว-นั่งดื่มถึง 5 ทุ่ม ห้าง-ค้าปลีก ทำใจต้องใช้เวลา ย้ำปัญหาหลักคือคนไม่มีเงิน ส่วนวัคซีนยังมีน้อยแต่ได้ผลบวกในเชิงจิตวิทยา ร้านอาหาร-ผับ-บาร์ หายใจโล่งขึ้นหวังรายได้เหล้า-เบียร์ ช่วยบรรเทารายจ่าย กทม.ประกาศจัดอีเวนต์ไม่เกิน 300 คน ไม่ต้องขออนุญาต

การประกาศมาตรการผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เมื่อ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ประกาศให้ “พื้นที่ควบคุม” 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี อนุญาตให้ร้านอาหารเปิดไม่เกิน 23.00 น. ดื่มสุราในร้านได้ สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดไม่เกิน 23.00 น. ดื่มสุรา แสดงดนตรีได้ แต่งดเต้นรำ

ขณะที่ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดตามปกติ สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส เปิดปกติ มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ยกเว้นสมุทรสาครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด กำหนดให้ร้านอาหารเปิดไม่เกิน 21.00 น. (ทานในร้านได้แต่งดดื่มสุรา) สถานบันเทิง ผับ บาร์ ห้ามศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดไม่เกิน 21.00 น. (จำกัดจำนวน, งดจัดกิจกรรม) สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เรียนออนไลน์เท่านั้น ห้ามเปิดสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส

กทม.ผ่อนปรนจัดเลี้ยงได้

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ปรับจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดเป็นพื้นที่ควบคุม โดยสถานที่ยังปิดต่อคือ สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่, สนามชนโค สนามปลากัด หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน ส่วนสถานที่อื่นจะเปิดได้ทั้งหมด แต่มีมาตรการควบคุมต่างกัน อาทิ ร้านอาหารให้นั่งรับประทาน และดื่มสุราได้ไม่เกิน 23.00 น., สถานบริการ รวมถึงผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบการอาบน้ำ อาบอบนวด เปิดไม่เกิน 23.00 น. ให้บริการเฉพาะโต๊ะนั่ง ไม่มีโต๊ะยืน เป็นต้น ในส่วนห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง การประชุม จัดแสดงดนตรี เดิมไม่เกิน 100 คน ผ่อนปรนต่ำกว่า 300 คน จัดได้ไม่ต้องขออนุญาต เป็นต้น

ปลดล็อกดีแต่ต้องใช้เวลา

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าการประกาศผ่อนปรนเป็นปัจจัยบวกแต่ในทางปฏิบัติทราฟฟิกของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ในห้างอาจใช้เวลาเป็นเดือน เนื่องจากคนยังไม่วางใจในสถานการณ์ คาดว่าบรรยากาศจะเริ่มคลี่คลาย และมีทิศทางดีขึ้น ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป แต่ที่สำคัญผู้บริโภคมีปัญหากำลังซื้อ และระมัดระวังการจับจ่ายจึงต้องมีโปรโมชั่นแรง ๆ กระตุ้น

ขณะที่ นายภานุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะพิซซ่า คอมปะนี บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปลดล็อกเป็นผลดีต่อร้านอาหารกลางคืนที่จำหน่ายแอลกอฮอล์มากกว่า ส่วนธุรกิจร้านอาหารที่เปิดในศูนย์การค้าเปิด-ปิดตามเวลา ไม่ได้ช่วยมาก และผู้ประกอบการกังวลเรื่องทราฟฟิกคนเดินห้างที่ยังไม่กลับมา สิ่งที่อยากแนะนำรัฐบาล นอกจากช่วยธุรกิจรายย่อยแล้วควรช่วยรายกลางรายใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเช่นกัน

นางอรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร ฟิตเนส เฟิรส์ท, เซเลบริตี้ ฟิตเนส กล่าวว่าฟิตเนสให้บริการได้ 100% เป็นผลบวกในวงกว้าง เนื่องจากผู้ให้บริการแต่ละรายรองรับสมาชิกได้ 45-50% ของความจุส่งผลให้กลุ่มฟิตเนสขนาดกลาง-เล็กหลายรายไม่สามารถเปิดบริการได้ เพราะรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย ส่วนการมาถึงของวัคซีนโควิด-19 ส่งผลบวกไม่มาก แม้เพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภคทำให้คนกลับมาใช้บริการ แต่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังซื้อทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย

ต่อลมหายใจผับ-บาร์

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า มาตรการผ่อนปรนส่งผลดีต่อธุรกิจให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ธุรกิจกลางคืน ผับ บาร์ไม่ได้ช่วยมากนัก เพราะยังไม่สามารถเปิดได้เต็มที่ เนื่องจากปกติผับบาร์เริ่มเปิด 22.00-02.00 น. การขยายเวลาถึง 23.00 น. ทำให้มีเวลาขายเพียง 1 ชั่วโมง รายได้อาจไม่พอค่าใช้จ่าย คาดว่าหลายร้านอาจยังไม่เปิด ปัจจุบันมีผับบาร์ย่านถนนข้าวสารเปิดไม่ถึง 20% จาก 70-80 ร้าน

“อยากให้รัฐทบทวนและผ่อนปรนการเปิดสถานบริการให้เปิดได้นานขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้กลับมาดำเนินธุรกิจ ปลดภาระหนี้สิน”

เช่นเดียวกับ นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ กรรมการ บริษัท ไอเอสทีบี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเบียร์ไทย-ต่างประเทศ กล่าวว่าการคลายล็อกเป็นเรื่องที่ดีทำให้ร้านมีรายได้จากกลุ่มแอลกอฮอล์ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ระดับหนึ่งจากที่ผ่านมามีเฉพาะรายได้จากอาหาร ซึ่งไม่เพียงพอจึงเหมือนต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการอีกครั้ง แม้ไม่เต็มปอด แต่ก็ยังพอให้อยู่รอด และเดินหน้าไปได้บ้าง

วัคซีนปลดล็อกท่องเที่ยว

นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยว่าสถานการณ์โดยรวมของธุรกิจท่องเที่ยวในหลายประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 เริ่มกระจายสู่คอาเซียนและทั่วโลก อาทิ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน และออสเตรเลีย ขณะที่ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเริ่มกระจายวัคซีนในประเทศได้ในไตรมาส 1 ปีนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณดีต่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศกลับมาฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้ ซึ่งแอร์เอเชียเตรียมความพร้อมในปี 2564 เพื่อรับมือกับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในอีก 2 ปีข้างหน้า

สอดรับกับ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความคืบหน้าในการแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกและในหลายประเทศ ซึ่งให้ความสำคัญกับบุคลากรที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวเป็นลำดับแรก ๆ โดยทีมงานของดุสิตฯในประเทศต่าง ๆ ก็ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นส่วนมากแล้ว ทำให้เริ่มมั่นใจว่าจะเห็นการท่องเที่ยวค่อย ๆ ฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีนี้

บิ๊กตู่แย้มอาจไม่ต้องกักตัว

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วัคซีนโควิด-19 เป็นของคนทั้งประเทศ ซึ่งวันนี้ได้มา 2 ยี่ห้อ และกำลังมาอีกหลายยี่ห้อ เพราะจำเป็นต้องให้ขึ้นทะเบียนที่ อย. ก่อน หลังจากขึ้นทะเบียนแล้วจะมีการฉีดเพิ่มเติมโดยโรงพยาบาลเอกชนที่นำเข้ามา รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น แต่ขอให้ผ่านระยะแรกไปก่อน ทุกคนเสนอเข้าไปขึ้นทะเบียนกับ อย.ได้ หลายบริษัทเสนอเข้ามาแล้วแต่ยังส่งเอกสารไม่ครบ


“วัคซีนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การท่องเที่ยว และการประกอบธุรกิจดีขึ้น ต่อไปนักท่องเที่ยวเมื่อฉีดวัคซีนแล้วมีใบรับรอง เข้ามาในประเทศอาจไม่จำเป็นต้องกักตัว เพียงแต่ติดตามว่าไปที่ไหน เผื่อเกิดปัญหา รัฐบาลต้องคิดอย่างรอบคอบ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว