เมกะเทรนด์ตลาดพรีเมี่ยมบูมยาว 3 ปี ตปท.-ดบ.ต่ำ-ดัชนีตลาดหุ้นหนุนกำลังซื้อทะลัก

เมกะเทรนด์ตลาดบ้าน-คอนโดฯ พรีเมี่ยมมาแรงสุดสุด “พฤกษา” แบบข้อมูลมูลค่าตลาดเกิน 1 แสนล้านตั้งแต่ปี’58-60 แนวโน้มบูมต่อเนื่องอีก 3 ปีหน้า เผยสภาพคล่อง-ดอกเบี้ยต่ำ-ดัชนีตลาดหุ้น 1,800 จุดหนุนกำลังซื้อทะลัก จ่อเปิดใหม่ 8 โครงการทั้งแนวราบ-แนวสูง “แลนด์ฯ-ซีพีเอ็น เรสซิเดนซ์-อนันดาฯ” จ่อผุดโครงการใหม่ดักลูกค้ากระเป๋าหนัก

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มพฤกษาพรีเมี่ยม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการที่อยู่อาศัยในตลาดพรีเมี่ยมมีภาวะบูมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นเมกะเทรนด์ในช่วง 2-3 ปีหน้า (2561-2563) โดยมีมูลค่าตลาดเกิน 1 แสนล้านบาทตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา

ตลาดพรีเมี่ยมบูม 3 ปีติด

ทั้งนี้ บ้านและคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมมีมูลค่าตลาดขยายตัวต่อเนื่องนับจากปี 2557 (ดูตารางประกอบข่าว) จาก 72,113 ล้านบาท สัดส่วน 25% เพิ่มเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 หรือเกิน 30% ในปี 2558-2559-2560 ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันอยู่ที่ 109,746 ล้านบาท, 105,533 ล้านบาท และสถิติ 9 เดือนแรกของปี 2560 อยู่ที่ 103,699 ล้านบาท ตามลำดับ

ประเภทสินค้าพบว่าคอนโดมิเนียมราคาเริ่ม 5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์เริ่ม 7 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวเริ่ม 10 ล้านบาท มียอดขายสูงต่อเนื่อง โดยปี 2557 คอนโดฯ ตลาดพรีเมี่ยมมีมูลค่า 51,533 ล้านบาท สัดส่วน 18% ของตลาดรวม ทาวน์เฮาส์ 2,105 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 18,475 ล้านบาท, ปี 2558 เพิ่มเป็นคอนโดฯ มีมูลค่า 84,659 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 5,937 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 18,880 ล้านบาท

ปี 2559 คอนโดฯพรีเมี่ยมมูลค่ารวม 81,328 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 3,188 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 21,017 ล้านบาท และสถิติ 9 เดือนแรกปี 2560 (มกราคม-กันยายน 2560) คอนโดฯ เซ็กเมนต์พรีเมี่ยมมีมูลค่ารวมกัน 79,292 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 4,760 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 19,647 ล้านบาท

3 ปัจจัยหนุนเมกะเทรนด์

นายประเสริฐวิเคราะห์ว่า ตลาดพรีเมี่ยมแนวโน้มบูมต่อเนื่อง เป็นเมกะเทรนด์ที่จับต้องได้โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ด้าน และเป็นแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ เริ่มจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องในตลาด และดัชนีตลาดหุ้นทะลุเกิน 1,800 จุด ซึ่งลูกค้าอสังหาฯที่เป็นลูกค้าหลักตลาดพรีเมี่ยมเป็นกลุ่มรับอานิสงส์โดยตรงจาก 3 ปัจจัยดังกล่าว

“เราเห็นกลุ่มทุนใหญ่พยายามเข้ามาทำสินค้าพรีเมี่ยมเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมที่ท่วมประเทศ ท่วมโลก รองรับดอกเบี้ยต่ำ รองรับดีมานด์อีก 3-5 ปีหน้า เป็นเมกะเทรนด์ เราเห็นภาพที่ชัดเจนและชัดเจนขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ”

ทั้งนี้ ปี 2561 เป็นยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของตลาดที่อยู่อาศัย สืบเนื่องจากทำเลกรุงเทพฯชั้นในมีการประกาศลงทุนโครงการมิกซ์ยูสจำนวนมาก สถิติรวบรวมได้ 29 โครงการ มูลค่ารวม 7.2 แสนล้านบาท กลายเป็นตัวจุดชนวนให้กับลูกค้าผู้มีรายได้สูงเข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยมและลักเซอรี่มากขึ้นในช่วง 3-5 ปีหน้า ในขณะที่ภาพช่วง 4-5 ปีก่อนหน้า (2555-2560) การลงทุนรถไฟฟ้าของรัฐบาลทำให้กลุ่มลูกค้ารายได้ระดับกลางปรับพฤติกรรมมาซื้อคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้ามากขึ้น

เทรนด์แรงลูกค้าซื้อลงทุน

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมผู้บริโภคตลาดพรีเมี่ยมยังเน้นความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัยในโครงการ จำนวนยูนิตต่อโครงการไม่เยอะ ไม่ชอบความพลุกพล่าน ดีไซน์ต้องมียูนีคเป็นเอกลักษณ์เฉพาะโครงการ

นายประเสริฐกล่าวว่าโครงสร้างตลาดเปลี่ยนแปลงจากความคึกคักของเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม ยังเกิดจากมีฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาเสริม จากเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ซื้อเพื่ออยู่เอง

เทรนด์มีกลุ่มลูกค้าซื้อเป็นบ้านหลังสอง (second home) รุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายพักอาศัยในสุขุมวิทแล้วซื้อคอนโดฯ ให้ลูกหลานอยู่ใกล้กันเพื่อมาดูแลกันได้สะดวก และมีฐานลูกค้าต่างชาติเข้ามาช็อปซื้อคอนโดฯในเมืองไทยมากขึ้น

สำหรับบริษัทพฤกษาฯ ขยายตลาด 1 ปีแรกมียอดพรีเซล 8,200 ล้านบาท ติดท็อป 5 ในเซ็กเมนต์อสังหาฯพรีเมี่ยม มียอดขายรอโอนหรือแบ็กล็อก 8,794 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 2562 โดยแผนธุรกิจปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ 8 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดฯ 4 โครงการ กับบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 4 โครงการซึ่งเตรียมเปิดตัวภายในไตรมาส 3/61

บิ๊กแบรนด์แจมตลาดหรู

ร.อ.กรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอ็น เรสซิเดนซ์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้วางแผนเปิดตัวใหม่ 4 โครงการเจาะตลาดระดับกลาง-บน อัพเดตมี 2 โครงการมูลค่ารวม 3,600 ล้านบาทที่ได้ประกาศแผนลงทุนและจัดเตรียมแลนด์แบงก์ไว้เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมทำเลพหลโยธิน 34 คาดว่าราคาขายเฉลี่ยตารางเมตรละ 1.5 แสนบาทบวกลบ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท อีกโครงการเป็นบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ทำเลถนนบรมราชชนนี

“ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์บ้านหรือคอนโดฯ ซีพีเอ็นฯ เน้นเจาะลูกค้าเป้าหมายตลาดบีบวกขึ้นไป เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ปีนี้จะมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย เซ็กเมนต์กลุ่มกำลังซื้อระดับ A เพราะยังมีดีมานด์สูงในตลาด” ร.อ.กรีกล่าว

นายชานนท์ เรืองกฤตยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาโครงการยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาด affordable luxury ห้องชุดเฉลี่ยราคาตารางเมตรละ 1-1.5 แสนบาท ราคายูนิตละ 3-5 ล้านบาท เป็นกลุ่มมีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลแนวรถไฟฟ้า และส่วนใหญ่ทำงานออฟฟิศเป็นมนุษย์เงินเดือน

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บิสซิเนสโมเดลเจาะตลาดเรียลดีมานด์ที่กำลังซื้อสูงและคงที่ โดยราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่ขายในปี 2560 อยู่ที่ 7.5 ล้านบาท สำหรับปี 2561 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตของบ้านและคอนโดฯ อยู่ที่ 7 ล้านบาท โดยสินค้าราคา 2-4 ล้านบาทมีเพียง 17% ที่เหลือเป็นสินค้าราคา 4-25 ล้านบาทขึ้นไป สัดส่วน 86%

 

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้