พันธมิตรแสนสิริ “Hostmaker” โมเดลใหม่อัพราคาบ้าน-คอนโดเพื่อเช่า

สัมภาษณ์พิเศษ

Hostmaker สตาร์ตอัพระดับเวิลด์คลาสที่เป็น 1 ใน 6 พันธมิตรใหม่ของค่ายแสนสิริ ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นกุล ชาร์มา” (Nakul Sharma) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอโฮสต์เมกเกอร์ ในโอกาสที่แผนลงทุนเป็นรูปธรรมกำลังจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

Q : แนะนำแบรนด์โฮสต์เมกเกอร์

เราเป็นผู้ให้บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าและอยู่อาศัยโดยทำงานร่วมกับ Airbnb ก่อตั้งปี 2557 อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันให้บริการแล้วไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนคน สำหรับผู้ใช้บริการเราจัดการการจองบ้านพักแบบครบวงจร สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการทำรายได้ก็เข้ามาร่วมกับเราได้

Q : แผนลงทุนร่วมกับแสนสิริ

ปี 2561 เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ เพราะเป็นหัวเมืองที่มีทราฟฟิกเยอะ ในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ที่บุ๊กกิ้งห้องพักผ่าน Airbnb ยอดบุ๊กกิ้งเติบโต 16% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นการเช่าห้องพักในคอนโดฯ 20,000 ห้อง ในขณะที่เป็นยอดพักที่จองผ่าน Airbnb 10,000 ห้อง

นั่นคือลูกค้าต้องการการบริหารจัดการแบบโปรเฟสชันนอล ซึ่งห้องเช่า Airbnb ยังเป็นระดับธรรมดาอยู่ ในขณะที่โมเดลของโฮสต์เมกเกอร์ได้รับการพิสูจน์ทั้งในปารีส โรม บาร์เซโลนา เซอร์วิสที่ให้บวกพร็อพเพอร์ตี้แมนเนจทั้งหมด ทำให้ได้รับผลตอบแทนการเช่าสูงเพิ่มกว่าปกติ เช่น ในลอนดอน ค่าเช่าสูงกว่าตลาด 20%

โมเดลที่ร่วมกับแสนสิริทำ flexible renting เพราะตลาดไม่ใช่แค่คนซื้อห้องชุดอยู่เอง แต่มีห้องว่างในโครงการด้วย ทำให้การเช่าบ้านยืดหยุ่นมากขึ้น แทนที่จะเช่าหลายเดือนหรือเป็นปี สามารถให้เช่า 1 เดือนขึ้นไปได้ ซึ่งกฎหมายไทยห้ามการปล่อยเช่าน้อยกว่าหนึ่งเดือน ดังนั้นจึงให้เริ่มสัญญาเช่าหนึ่งเดือนไปก่อน แต่ถ้าเปิดกว้างเมื่อไหร่ก็พร้อมจะทำสั้นกว่านั้นทันที

โอกาสทางธุรกิจเกิดจากพฤติกรรมการเช่า โดยพฤติกรรมการพักโรงแรมระยะสั้น 1-2 คืน หรือ 5 คืน แต่ถ้าพักนานกว่านั้น ลูกค้าไม่ต้องการพักโรงแรม แต่ต้องการพักบ้านที่มีบริการเทียบเท่าโรงแรม

เพราะฉะนั้น ในเมืองไทยเราตั้งเป้าวางแผนให้ตลาดนี้เริ่มโตที่กรุงเทพฯ จากนั้นภายใน 6 เดือนหน้าเริ่มขยายให้บริการในภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา เป้าหมายต้องการให้ตลาดในกรุงเทพฯแข็งแรงก่อน คาดว่าเปิดบริการได้จริงภายใน 4 สัปดาห์ หรือกลางกุมภาพันธ์ จากนั้นมองการร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่น (property owner) ต่อไป

Q : โมเดลธุรกิจเป็นอย่างไร

ภายใน 2 เดือนที่เปิดบริการ คาดหวังมีการเช่าบ้านพักผ่านโฮสต์เมกเกอร์ 200 ห้อง และภายในช่วงปลายปีเพิ่มเป็น 500-600 ห้อง สำหรับ property owner เจ้าของห้องชุดหรือเจ้าของบ้านที่ต้องการร่วมกับเรา มี 2 รูปแบบ 1.เจ้าของห้องส่งห้องให้โฮสต์เมกเกอร์เช่า โดยราคาเช่าเราบวกค่าฟีเพิ่มอีก 20%

2.แบบประกันรายได้ค่าเช่า เช่น โฮสต์เมกเกอร์เหมาจ่ายเดือนละ 10,000 บาท วิธีการนี้เหมาะสมกับคนที่ต้องการรายได้ค่าเช่าคงที่ โดยช่วงแรกเราทำสัญญา 6-12 เดือน

ประสบการณ์ 4 ปีที่ทำมา เราสามารถปล่อยห้องให้เช่าในราคาสูงกว่าตลาด 20-50% มาจากเหตุผล 3 ข้อ เรื่องแรกลงทุนอินทีเรียร์หรือตกแต่งใหม่ ทำให้น่าอยู่มากขึ้นเยอะ เพราะปกติถ้าเป็นการเช่ายาว 1 เดือนขึ้นไป เจ้าของห้องไม่ค่อยลงทุนตกแต่งมากนัก แต่โฮสต์เมกเกอร์ทำแบบสวยจัดไปเลย

เรื่องที่สอง dynamic pricing ราคาไม่หยุดนิ่งขึ้นกับดีมานด์ ซัพพลาย เช่น โรงแรม สายการบิน บุ๊กเต็มไม่เต็มย่อมมีผลต่อรายได้ ในขณะที่โฮสต์เมกเกอร์เราดีเวลอปราคาเองตามข้อมูลที่มีในมือ ทำให้ราคาเปลี่ยนทุกวัน

เรื่องที่สาม เราเซอร์วิสแบบมืออาชีพ โดยเฉพาะการตลาดแบบบอกต่อ Airbnbเน้นลูกค้า redeal สำคัญมาก เพราะลูกค้ายอมจ่ายพรีเมียร์ไพรซ์ได้ถ้าพอใจ

Q : ราคาต่อห้องต่อเดือน

property owner มาร่วมกับเราได้ไม่มีข้อจำกัด แต่ช่วงแรกอาจเริ่มจากทำเลกลางเมืองก่อน นั่นหมายถึงโฟกัสไปที่ห้องชุด โดยเริ่มจากกลุ่มตลาดระดับ A-B อาทิ โครงการเทอร์ตี้ไนน์, เดอะไลน์, โมนูเมนต์ อาจมีเดอะเบสด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ลงเซ็กเมนต์กลุ่ม D เช่น ดีคอนโด แต่เฟสแรกยังไม่ลงลึกถึงระดับนี้ เพราะลูกค้ายุโรปยังไม่มีเซ็กเมนต์นี้

ในด้านราคามีความหลากหลายไปตามรูปแบบห้องชุด มีทั้งแบบ 1-2-3 ห้องนอน ยกตัวอย่าง คอนโดฯเทอร์ตี้ไนน์ แบบ 1 ห้องนอนค่าเช่า 1-1.2 แสนบาท/เดือน แบบ 2 ห้องนอน ค่าเช่า 1.5 แสน และแบบ 3 ห้องนอนมี 2 แสน/เดือนขึ้นไปห้องชุดแบรนด์เดอะไลน์ แบบ 1 ห้องนอน ค่าเช่า 4-5 หมื่นบาท/เดือน แบบ 2 ห้องนอน ค่าเช่า 8-9 หมื่นบาท และแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่า 1 แสน/เดือนขึ้นไป ส่วนแบรนด์เดอะเบส ห้องชุด 1 ห้องนอน ค่าเช่า 4 หมื่นบาท/เดือน แบบ 2 ห้องนอน ค่าเช่า 7 หมื่น และแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่าเริ่ม 1 แสน/เดือน

Q : เจ้าของลงทุนเพิ่มอะไรบ้าง

ถ้าสนใจร่วมกับโฮสต์เมกเกอร์ ข้อแรกต้อง make sure ยอมจะอินเวสต์ให้บ้านสวย โดยการลงทุนมีสองออปชั่น 1.ห้องไม่จำเป็นต้องแต่งมาสวย หรืออาจเป็นห้องเปล่า การลงทุนเจ้าของจ่ายเอง หรือเช่าเฟอร์นิเจอร์ของโฮสต์เมกเกอร์ได้เลย

เพราะฉะนั้น เฉลี่ยต้นทุนที่เจ้าของห้องแต่งห้องเพิ่ม ห้องชุด 1 ห้องนอน ค่าใช้จ่ายฉลี่ย 1.2 แสนบาท, แบบ 2 ห้องนอน 2 แสนบาท แต่ถ้าอยากไปไกลไปถึงหลักล้านบาทก็ทำได้ ซึ่งการตกแต่งเพิ่มหรือบำรุงรักษาห้องยิ่งดีเท่าไหร่ พบว่าถ้าแต่งห้องสวย ลูกค้าจะเกรงใจ ถ้าสวยมาก ลูกค้ายิ่งเกรงใจมีเทคนิคเล็กน้อยโดยรูปแบบการตกแต่งห้อง ต้องคำนึง 2 เรื่องหลักที่เราพยายามบาลานซ์ ลูกค้านักท่องเที่ยวมองหาสองอย่าง แน่นอนว่าเรื่องแรกความสบาย ความสบายที่มาพร้อมกับสิ่งที่เขารู้และชิน แต่เขายังต้องการค้นหาความเป็นโลคอลด้วย จึงต้องอะแดปต์ความเป็นไทยด้วยออปชั่นที่ 2 โลเกชั่นต้องมาด้วย เฟสแรกจึงโฟกัสทำเลใจกลางกรุงเทพฯ เริ่มจากย่านสุขุมวิท

Q : ขยายตลาดผ่านแสนสิริ

แสนสิริเป็นเจ้าแรกที่นำเสนอการมีบ้าน คอนโดฯ ไม่ได้ขายอย่างเดียว แต่เอามาให้เช่าได้ เอาไปนำเสนอในตลาดเอเชียได้ด้วย เช่น ฮ่องกง โตเกียว สิงคโปร์ ขณะเดียวกันแสนสิริก็มีฐานลูกค้าต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งโฮสต์เมกเกอร์มีผลงานในยุโรปสำเร็จมาแล้ว ผมมองว่าลูกค้าน่าจะประทับใจ

Q : แผนสร้างการเติบโต ?


ทำธุรกิจเราคาดหวังการเติบโต แต่เราระวังเซอร์วิสมากเพราะเป็นคีย์ซักเซส ปีแรกจึงต้องมั่นใจว่าโอเปอเรชั่นแน่น เซอร์วิสดี และปรับโมเดลที่ซักเซสในยุโรปให้ตรงกันในตลาดเมืองไทย ต้องไม่หลุด พอแน่นแล้วค่อยวางแผนขยาย กลุ่มลูกค้าผู้เช่ามีทั้งนักท่องเที่ยว กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทย หรือ expat และกลุ่มคนทำงานระยะสั้นในต่างประเทศ เช่น ทำโปรเจ็กต์ 2-3 เดือนดูจากตัวเลข อัตราเติบโตปีละ 300% อยู่แล้ว เราจะไม่โตเร็วเกินไป