มอเตอร์เวย์บางใหญ่อืด เลื่อนเปิดปี”64 แก้ปัญหาจุกจิก

คอลัมน์ เวนคืนอัพเดต

ถึงขณะนี้ปมค่าเวนคืนที่ดินมอเตอร์เวย์ “บางใหญ่-กาญจนบุรี” ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 14,317 ล้านบาท ยังไม่ได้รับไฟเขียวจาก “ครม.-คณะรัฐมนตรี” ยังติดหล่มอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ทั้งที่กรมทางหลวงส่งเรื่องให้พิจารณาไปตั้งแต่ปี 2560

ว่ากันว่า สาเหตุที่ทำให้ล่าช้า เป็นเพราะต้องมีคำตอบ “ให้ชัด-ให้เคลียร์” ถึงสาเหตุที่ทำให้รัฐต้องจ่ายค่าเวนคืนเพิ่ม เพื่อไม่ให้มีข้อถกเถียงในที่ประชุม ครม.

ล่าสุดอยู่ระหว่างการสแกนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ “สำนักงบประมาณ” ที่เช็กลิสต์รายการละเอียดยิบ ด้วยวงเงินที่สูงเกิน 1 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำเม็ดเงินจำนวนนี้ไปก่อสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ได้อีก 1 โครงการ หน่วยงานจัดสรรงบประมาณจึงต้องใช้เวลาเจียระไนนานเป็นพิเศษ

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อบรรจุวาระนำเรื่องเข้า ครม.ยังมีข้อกังวลว่าจะถูกทักท้วงจาก ครม. ว่าเป็นเพราะเหตุใดค่าเวนคืนจึงมีการประเมินที่แตกต่างกันมากจากเดิม มอบให้กระทรวงคมนาคมกับกรมทางหลวงตรวจสอบและชี้แจงให้ชัด เนื่องจากเกรงว่าหากข้อมูลไม่แน่นจะถูกตีกลับ จะยิ่งทำให้โครงการล่าช้า

“มีข้อกังวลมากว่า เมื่อเงินเวนคืนเพิ่ม 14,317 ล้านบาท การก่อสร้างโครงการต่อไปจะคุ้มค่ากับการลงทุนและผลตอบแทนทางการเงินและด้านเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ มั่นใจแค่ไหนว่าค่าเวนคืนจะไม่เพิ่มขึ้นอีกภายหลังหากมีชาวบ้านไม่ยินยอม กรมทางหลวงชี้แจงถึงสาเหตุทั้งหมดแล้วว่ามาจากอะไร ส่วนความคุ้มทุนของโครงการอยู่ที่ 14% อนาคตจะไปเชื่อมโครงการทวายและมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ จะทำให้โครงการมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนมากขึ้น”

ด้าน นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโดยรวมของโครงการบ้างแล้ว ปัจจุบันทั้งโครงการมีความก้าวหน้าประมาณ 7% นับจากเริ่มงานก่อสร้างเมื่อเดือน ก.พ. 2560 ยังล่าช้าจากแผนงานอยู่ประมาณ 15%

“หาก ครม.อนุมัติค่าเวนคืนที่ดิน จะเร่งส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาและเร่งให้ก่อสร้างงานที่เหลือโดยเร็ว แต่อาจจะล่าช้าจากแผนเดิมและกระทบการเปิดใช้เลื่อนไปจากเดิมในปี 2563 เป็นภายในปี 2564”

นายธานินทร์กล่าวว่า กรมได้ชี้แจงไปแล้ว สาเหตุที่ค่าเวนคืนที่ดินสูงและแพงกว่าสายบางปะอิน-โคราช เนื่องจากกรอบวงเงินเดิมมีการสำรวจไว้เมื่อปี 2550 อีกทั้งเป็นแนวตัดใหม่ และราคาประเมินที่ดินมีการปรับสูงขึ้นถึง 3 รอบ คือปี 2551 ปี 2555 และปี 2559 ขณะที่แยกบางใหญ่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงพาดผ่าน มีห้างสรรพสินค้า หมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ขยับขึ้นมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา

สำหรับยอดเวนคืนบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่สำรวจมีทั้งสิ้น 7,276 ราย แยกเป็นที่ดิน 4,001 แปลง เป็นเงิน 16,856 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างและค่าเสียหาย เช่น บ้าน ตึก โรงงาน ดินถม บ่อน้ำ บ่อบาดาล สระน้ำ จำนวน 1,707 ราย เป็นเงิน 2,770 ล้านบาท และต้นไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก 1,568 ราย เป็นเงิน 111 ล้านบาท ซึ่งค่าเวนคืนเพิ่มขึ้นมากใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยเพิ่มขึ้นจากกรอบวงเงินเดิมที่ ครม.ไว้ 5,420 ล้านบาท ประมาณ 2.64 เท่าตัว หรือ 280%