วัสดุฟื้น”ตราเพชร”ผลิตกระเบื้องเพิ่มแสนตัน

“ตราเพชร” โหมขยายกำลังการผลิตกว่าแสนตัน คลอดสินค้าใหม่ ผนึกพันธมิตรโมเดิร์นเทรด “ไทวัสดุ-เมกาโฮม-โกลบอลเฮ้าส์” บุก เมียนมา เขมร ลาว เวียดนาม ปีนี้ตั้งเป้าโต 5%

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา ภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร” เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2561 เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนที่มียอดขาย 4,180 ล้านบาท และรักษากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 27%

เนื่องจากประเมินว่าตลาดวัสดุก่อสร้างปี 2561 จะกลับมาฟื้นตัวในรอบ 3 ปี หลังภาครัฐมีการผลักดันการลงทุนโครงสร้างด้านพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการพัฒนาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้การลงทุนทางภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโดยรวมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดความต้องการการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก มีการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอรับรู้รายได้ จากลูกค้าผู้ประกอบการอยู่ที่ 108 ล้านบาท

ขณะที่ช่องทางขายผ่านห้างค้าปลีกและโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ประเมินว่าในปีนี้จะเป็นช่องทางขายที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากผู้ประกอบการมีการขยายการลงทุนเปิดสาขาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาเลือกซื้อสินค้าภายในร้านขนาดใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างให้เลือกครบครัน ซึ่งบริษัทได้ขายผ่านคู่ค้า ไทวัสดุ , เมกาโฮม และโกลบอล เฮ้าส์ ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์จะขยายสาขาเพิ่มอีกรายละ 10 สาขา คาดว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 16% ของยอดขายรวม

“เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 118,000 ตัน เป็น 1.1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 982,000 ตันต่อปี”

นายสาธิตกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม ประเภทงานพื้น งานผนัง อิฐมวลเบา และงานไม้ เช่น ไม้รั้วสีน้ำตาลอินทนิล, ไม้พื้นรุ่น ที-คลิป และไม้เซาะร่อง เพื่อเจาะตลาดลูกค้าในกลุ่มตกแต่งบ้าน ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างจะผลิตสินค้าเป็นโครงสร้างสำเร็จรูป เช่น คีออสก์ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ในเครือและขยายฐานลูกค้าเพิ่ม รวมถึงนำกลยุทธ์ full product full service นำสินค้าแบรนด์ “ตราเพชร” ที่มีความหลากหลายมาจำหน่ายในจุดเดียวพร้อมทีมช่างมืออาชีพบริการติดตั้ง


สำหรับแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ ได้วางเป้าหมายการส่งออกเพิ่มเป็น 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 17% โดยตลาดหลักเป็นกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม โดยเฉพาะเมียนมามีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างจำนวนมาก เนื่องจากเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีการก่อสร้างเกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งบริษัทมีแผนรุกตลาดมากขึ้น โดยจัดตั้งทีมงานฝ่ายขายในพื้นที่ เพื่อดูแลการขายโดยตรง และเปิดพื้นที่ขายผ่านผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดที่ขยายการลงทุนเข้าไป