ผู้โดยสารทะลัก! “สมคิด” บี้ทอท.เร่งขยายสนามบิน”สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่-ภูเก็ต” รับท่องเที่ยวโต

8 มี.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ว่า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบินของภูมิภาคแล้ว ดังนั้นการรักษาระดับจะต้องไม่สร้างความลำบากกับผู้โดยสาร ต้องสามารถอำนวยความสะดวกได้ด้วย ดังนั้น จึงได้พูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

โดยในระยะยาวมีแผนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 อยู่แล้ว โดยจะเร่งให้มีการลงทุนเร็วขึ้น ส่วนในระยะสั้น 3-4 เดือนข้างหน้า จะต้องระบายความแออัดของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก ไม่ว่าจะป็นการเพิ่มช่องทาง, เพิ่มบุคลากร หรือการเพิ่มออโต้เกจ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะต้องเห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน

โดยทาง ทอท. ได้รับปากว่าจะพยายามพัฒนาให้ได้​ ส่วนสนามบินดอนเมืองนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรมว.คมนาคม ได้สั่งการให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ไปกำกับให้การลงทุนที่ยังช้าอยู่ให้เร็วขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตนมาจี้โดยลำดับ ขณะที่สนามบินเชียงใหม่ใน 3 เดือนนี้จะต้องจัดการปัญหาด้านสถานที่จอดรถที่แออัด ให้สามารถจอดรถได้มากขึ้นและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น ส่วนในระยะยาวก็กำลังพิจารณาหาพื้นที่เหมาะสมสำหรับก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 อยู่ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมีเพิ่มขึ้นทุกปี

ส่วนสนามบินภูเก็ตนั้น ตอนนี้มีปัญหาว่ามีรันเวย์เพียงแห่งเดียว แต่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาใช้บริการค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่สำหรับก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับให้เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยว โดยตอนนี้ ทอท.ได้พื้นที่ที่เหมาะสมแล้ว โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะมาช่วยดูแลด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึงอนาคตข้างหน้าด้วยว่า จะต้องบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการประมาณ 30 ล้านคนในแต่ละปี แบ่งไปใช้บริการในจังหวัดอื่นๆที่รัฐบาลกำลังพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวด้วย จากการพูดคุยกับกรมท่าอากาศยานและทอท.ในปีนี้จะต้องเริ่มต้นในภาคตะวันออก ตะวันตก และภาคใต้ โดยได้กำชับเพิ่มเติมไปด้วยว่า ในพื้นที่ภาคใต้นั้น อยากให้เริ่มต้นในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.ชุมพร เพราะรัฐบาลกำลังประชาสัมพันธ์นโยบาย “ไทยแลนด์ รีเวียร่า ” อีกทั้งจ.ชุมพรและอ.หัวหิน มีศักยภาพในการเปิดไปสู่พื้นที่ภาคใต้และขึ้นมาทางภาคเหนือได้ แต่ยังติดปัญหาที่สนามบินยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงอยากให้กรมท่าอาศยานและ ทอท.ประสานงานกันทำโครงการเหล่านี้ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด ​

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ทอท.ได้ปรับแผนดำเนินงานในระยะยาวใหม่ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี จากเดิมแผนระยะ 10 ปี ‭‭2558-2568‬‬ ที่จะใช้งบทั้งสิ้น 2.2 แสนล้านบาท ตั้งเป้าหมายผู้มาใช้บริการ 83.5 ล้านคนต่อปี

ตอนนี้ขยายศักยภาพที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการเป็น 101 ล้านคนต่อปี แต่ไม่ทันต่อความต้องการได้ เพราะผู้มาใช้บริการจริงอยู่ 130 ล้านคนต่อปี ดังนั้น จึงจะเน้นแผนระยะสั้นกับกลางก่อน โดยเบื้องต้นจะเน้นแก้ปัญหาใน 3 สนามบินก่อน คือ สุวรรณภูมิ , เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยรองนายกฯสมคิดจะส่งเสริมให้ทาง ทอท. แก้ปัญหาสนามบินดอนเมืองด้วย เพราะว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ

สำหรับแผนระยะสั้น 3 เดือนนั้น ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้ฝั่งตะวันออกที่เป็นโร-เช็คอินเดิมของการบินไทย ได้รับการคืนพื้นที่มาแล้ว จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาทำพื้นที่เช็คอินและเพิ่มช่องทางตรวจค้น โดยกระจายให้มากขึ้น รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับการเช็คอินด้วย เพื่อลดความแออัดของสนามบิน