“เรียลแอสเสทฯ” ระบุความคาดหวังรัฐบาลใหม่ อยากให้ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ขยายเพดานลดค่าโอน-จำนองจาก 3 ล้านเป็น 10 ล้าน เพิ่มสิทธิใช้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3% ในโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส. จากเพดานไม่เกิน 1.5 ล้านเป็น 10 ล้าน กระตุ้นลูกค้าเรียลดีมานด์คนไทย ปรับเกณฑ์ดึงดูดลูกค้าต่างชาติเป็นตัวช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มี 3-4 เรื่องหลัก
เริ่มจาก 1.มาตรการกระตุ้นด้วยการลดค่าโอน-จดจำนอง แต่กำหนดเพดานบ้านและคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ได้เห็นแล้วว่าช่วยไม่ได้มากนัก
จึงเสนอให้ขยายเพดานไม่เกิน 10 ล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือลูกค้าเรียลดีมานด์ ไม่ได้ซื้อเพื่อลงทุนหรือเก็งกำไร
“มาตรการกระตุ้นไปตั้งเพดานราคาไม่เกิน 3 ล้าน ในขณะที่ราคาที่ดินปัจจุบันแพงมาก ทำให้หาซื้อลำบาก และคนซื้อบ้านไม่เกิน 10 ล้านต้องยอมรับกันว่าเป็นคนวัยทำงาน เรียนตรง ๆ ว่าไม่ได้มีรายได้สูงมาก น่าจะต้องการให้รัฐสนับสนุน”
2.มาตรการ LTV-loan to value ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
3.ส่งเสริมกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ ปัจจุบัน เกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนเปิดให้ชาวต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทยสามารถซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยได้ 1 ไร่ โดยมีเงินลงทุนแล้ว 30-40 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี
เมื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน กำลังซื้อคนไทยก็เหนื่อยกันอยู่ การลดเกณฑ์เพื่อดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติจะเป็นตัวช่วยได้ เช่น ลดวงเงินลงทุนไม่ต้องถึง 30-40 ล้านบาท หรือลดเวลาที่จะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ได้เหลือ 1 ปี หรือไม่ต้องกำหนดเรื่องระยะเวลาลงทุน
4.ปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รัฐบาลใหม่อาจใช้ช่องทางแบงก์รัฐที่มีอยู่ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ในรูปแบบตั้งเป็นกองทุนเฉพาะขึ้นมา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น
รวมทั้งใช้กลไกที่มีอยู่เดิม เช่น ธอส. ที่มีโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลัง ให้ดอกเบี้ยต่ำ 3% แต่กำหนดเพดานราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท อาจขยับเพดานราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท สามารถได้รับดอกเบี้ย 3% เป็นต้น