ORI โชว์พอร์ตนักลงทุนซื้อ IP Program 2 ปี 2,000 ยูนิต ตั้งเป้าในปี 2568 เพิ่มเป็น 5,000 ยูนิต ล่าสุด การันตีรายได้สม่ำเสมอ Pool Dividend นาน 10+10 ปี โครงการ Origin Place Bangna by Hampton เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรู บนถนนบางนา-ตราด ประตูสู่ EEC
วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
เปิดเผยว่า กระแสการซื้อคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เพื่อลงทุน ผ่านระบบที่เรียกว่า Investment Property Program หรือ IP Program บริหารงานโดยทีมงานมืออาชีพจาก Hampton Hotel & Residence Management (HHR) ในเครือ ORI
ตลาดผู้บริโภคให้การตอบรับดีมาตลอด 2 ปีที่นำ IP Program มาใช้ มีนักลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยประเภทเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เพื่อการลงทุนแล้ว 2,000 ยูนิตจาก 10 โครงการ ORI
บริษัทตั้งเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้า (2567-2568) จะเพิ่มพอร์ตเป็น 5,000 ยูนิต พร้อมนำ HHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI
ก่อนหน้านี้ โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโครงการแรกที่นำเข้าระบบ IP Program เต็มรูปแบบ คือ แฮมป์ตัน ศรีราชา เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรู 5 ดาวมูลค่า 1,400 ล้านบาท โครงการร่วมทุนระหว่าง ORI กับกลุ่มดุสิตธานี
ส่วนโครงการใหม่ล่าสุดที่นำมาขายผ่าน IP Program คือ “ออริจิ้น เพลส บางนา-Origin Place Bangna” เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ตั้งอยู่ในโครงการออริจิ้น สมาร์ท คอมเพล็กซ์ บางนา อาณาจักร Mixed-Use ครบวงจรบนถนนบางนา-ตราด
ในอนาคต เมื่อก่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ในย่านบางนา ซึ่งเป็นทำเลศูนย์กลางธุรกิจและประตูสู่ EEC ทำเลที่มีการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนมูลค่าเป็นแสนล้านบาท
นายสิริพงศ์กล่าวว่า IP Program เป็นคอนเซ็ปต์การลงทุนอสังหาฯ แบบใหม่ ที่ซื้อเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ
โดยนักลงทุนที่เข้าซื้อห้องพักในโครงการ จะได้สิทธิเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด สามารถซื้อ-ขายต่อเปลี่ยนมือได้ และยกให้เป็นมรดกหรือนำไปเป็นสินทรัพย์ในการค้ำประกันสินเชื่อได้ด้วยเช่นกัน
หลังจากซื้อไปแล้ว HHR จะเข้ามาดูแลและหาผู้เช่า พร้อมการบริการลูกค้าด้วยมาตรฐานโรงแรมระดับสากล รวมทั้งจ่ายเงินปันผลแบบต่อเนื่องนาน 10 ปี ต่อสัญญาครั้งละ10 ปี
มีเงื่อนไขพร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเสนองานบริการแข่งในการต่อสัญญา 10 ปีหลัง
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว จะอยู่บนพื้นฐานความตกลงยอมรับร่วมกันผ่านระบบ “Mutual Agreement Program” ตกลงที่จะเฉลี่ยรายได้และเฉลี่ยรายจ่ายร่วมกันแบบเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่าแบบแชร์ผลประโยชน์ร่วมกัน (Pool Dividend )
โดย HHR จะเข้ามาดูแลและดำเนินการต่าง ๆ แทนทั้งหมดถือเป็นการลดภาระลูกค้าที่มาลงทุนในพร็อพเพอร์ตี้ ดังนี้
- เจ้าของห้องไม่ต้องลงทุนเพิ่มเกี่ยวกับการตกแต่ง อุปกรณ์เพื่อการเช่า
- เจ้าของห้องไม่ต้องจ่ายค่าดูแล ค่ารักษามิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต รวมถึงค่าซ่อมแซม
- เจ้าของห้องไม่ต้องเสี่ยงติดลบกับการบริหารจัดการ ค่าพนักงาน และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น
โดยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ HHR จะคอยดูแลทรัพย์สินและรับความเสี่ยงนั่นเอง แลกกับค่าบริการทั่วไปรวมอยู่ในค่าเช่าห้องที่ทาง HHR จะหักไว้จากรายได้ทั้งหมดในแต่ละเดือน อาทิ ค่าธรรมเนียม (ค่า Fee) 5%, ค่าประกันภัย 1%, เป็นต้น
“หลังจากลงทุนแล้วลูกค้าอยู่เฉย ๆ รอเงินจากค่าเช่าเข้าบัญชีธนาคารทุก ๆ เดือน ส่วนความเสี่ยงนั้นแทบปิดความเสี่ยงทุกประตู โดยอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนระยะยาวจะมี Capital Gain เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
นายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า IP Program ผลตอบแทนหรือเงินปันผลได้จากการลงทุนจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง เช่น ย่านทองหล่อ สุขุมวิท 24 ค่าเช่าเฉลี่ย 800-900 บาท/ตารางเมตร ทำเลในต่างจังหวัด 300-400 บาท/ตารางเมตร
สำหรับโครงการใหม่ล่าสุดที่นำมาขายให้กับนักลงทุนผ่าน IP Program คือ “ออริจิ้น เพลส บางนา-Origin Place Bangna” มีจำนวน 399 ยูนิต เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คาดว่ามีผลตอบรับที่ดีนักลงทุนน่าจะจองซื้อหมด
ทั้งนี้ ทีมงานการตลาดและฝ่ายขายทั้งเครือออริจิ้น ผนึกกำลังกับเอเย่นต์เกือบ 50 รายบุกตลาดเช่าของลูกค้าต่างชาติรับแผนเปิดประเทศ รวมทั้งเจาะตรงถึงลูกค้าองค์กรหรือบริษัทข้ามชาติ ที่มาเปิดกิจการลงทุนในไทยตามนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ที่ผ่านมาผู้เช่าส่วนใหญ่ 65-70% เป็นลูกค้าต่างชาติที่มาทำธุรกิจในประเทศไทย หรือนักลงทุนที่มาพักอาศัยเป็นเวลานาน โดยจะเช่าแบบเหมาเป็นรายเดือน ส่วนสัดส่วนที่เหลือ 30-35% เป็นนักธุรกิจในไทย
รายละเอียด โครงการ Origin Smart Complex Bangna ตั้งบนเนื้อที่ 8 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด ประกอบด้วย โรงแรม 200 ห้องพัก, สมาร์ทออฟฟิศ 30,000 ตารางเมตร, พื้นที่รีเทล, คอนโดมิเนียม 375 ยูนิต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 399 ยูนิต
โดย IP Progam โครงการ “Origin Place Bangna by Hampton” ยูนิตลงทุนเริ่มที่ 3.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท วางแผนเริ่มงานก่อสร้างในปี 2566 นี้ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568
โครงการมีความโดดเด่นเรื่องทำเลที่ตั้งที่ติด Interchange Station 2 สาย ทำเล 0 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีเอี่ยมและรถไฟฟ้ารางเบา (LRT : Light Rail Train) ที่วิ่งเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ย่านบางนายังได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่เขตเศรษฐกิจตะวันออก (EBD : Eastern Business District) ซึ่งออริจิ้น มั่นใจว่าในอีก 5-6 ปีข้างหน้าจะเต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจการลงทุนและอยู่อาศัย
เพราะ “บางนา” เป็นทำเลศักยภาพศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ New CBD รายล้อมด้วย Super Mega Project อาทิ The Bangkok Mall, เมกา ซิตี้ บางนา, ทรูดิจิทัลพาร์ค เฟส 3, WHA Bangna Business Complex, AIA East Gateway
รวมถึงโครงการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2,3,4 รองรับผู้โดยสารและผู้ใช้บริการกว่า 90 ล้านคนต่อปี ในอนาคตบางนาจะกลายเป็นทำเลทอง เนื่องจากในแต่ละปีราคาที่ดินและราคาที่อยู่อาศัยขยับขึ้นทุกปี
