JLL จับสัญญาณอสังหาฯในกรุงเทพฯ บิ๊กแบรนด์เขย่าตลาด แห่ซื้อ-เช่าที่ดินระยะยาว สถิติ Q1/66 เพียงไตรมาสเดียวพุ่ง 7.7 หมื่นล้าน สูงกว่าปี 2564-2565 ทั้งปี ส่วนตลาดสำนักงานให้เช่า บริษัทไทย-เทศชั้นนำมองหาอาคารเขียว ตอบรับเทรนด์ Net Zero
“ศูนย์การค้า-คอนโดฯลักเซอรี่-โรงแรม” กำลังฟื้นตัว “สำนักงานให้เช่า” ปาดเหงื่อ เผยออฟฟิศเกรดเอถึงสิ้นปี 2566 มีซัพพลายใหม่มาเติมอีก 2.2 แสน ตร.ม. ทำให้พื้นที่ว่างเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 21% บิ๊กแบรนด์อสังหาฯ
วันที่ 29 มิถุนายน 2566 นายไมเคิล แกลนซี กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล (JLL) กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก ความผันผวนในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนจำนวนมากชะลอลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
อย่างไรก็ดี ในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยรวมยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และเชื่อว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ในกรณีของประเทศไทย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะยังคงขยายตัว จากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิถุนายนปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วมากกว่า 11 ล้านคน”
นอกจากนี้ ภาวะอัตราดอกเบี้ย แม้จะมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในแดนต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่สามารถควบคุมระดับได้ตามเป้า เป็นสัญญาณที่ดีต่อทิศทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แนวโน้มสำคัญ ๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้
1.บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยังคงเป็นผู้ซื้อกลุ่มหลักในตลาดการซื้อขายที่ดิน ทั้งที่เป็นที่ดินขายกรรมสิทธิ์ขาดและที่ดินให้เช่าระยะยาว
เห็นได้จากธุรกรรมการซื้อ/เช่าระยะยาวที่ดิน โดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในไตรมาส 1/66 มีมูลค่ารวม 7.7 หมื่นล้านบาท
ถือว่าสูงมากเพราะเป็นธุรกรรมเพียงไตรมาสเดียว เทียบกับยอดการซื้อที่ดินของทั้งปี 2565 ที่มีมูลค่ารวม 7.1 หมื่นล้านบาท และปี 2564 ที่มีมูลค่ารวม 5.6 หมื่นล้านบาท
2.กลุ่มผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า, อาคารสำนักงาน มีแนวโน้มที่จะเลือกหรือย้ายไปสู่อาคาร/โครงการที่มีคุณภาพมากขึ้น
ดังนั้น อาคารหรือโครงการเก่าจำเป็นต้องลงทุนปรับปรุง ยกระดับคุณภาพให้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถรักษาผู้เช่าที่มีอยู่เดิม และดึงดูดผู้เช่ารายใหม่ ในสภาวการณ์ที่มีการแข่งขันแย่งชิงผู้เช่าเพิ่มสูงขึ้น
3.บริษัทและองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งของไทยและต่างชาติ ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero
ดังนั้น บริษัท/องค์กรผู้เช่าเหล่านี้ ต้องการเช่าพื้นที่ในอาคารที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว แม้จะต้องจ่ายค่าเช่าสูงขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับการเช่าพื้นที่ในอาคารคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ไม่มีการรับรองมาตรฐาน