คืบหน้าแล้ว 32% มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช” เปิดใช้ ก.ค.ปี’63

นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่างานก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน – นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. มีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 32 เร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ประมาณร้อยละ 5
มั่นใจว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามกำหนดภายในเดือนกรกฎาคม 2563

โดยงานก่อสร้างเพื่อให้ได้มาตรฐานกรมมีนโยบายตรวจสอบสภาพความเรียบของผิวทางโครงการก่อสร้างสายทางดังกล่าว เพื่อเพิ่มคุณภาพผลงานการก่อสร้างให้มีความเรียบของผิวทางอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยไม่เพิ่มภาระงบประมาณในการก่อสร้าง

ซึ่งสภาพความเรียบของผิวทางที่ได้รับการตรวจสอบต้องเป็นตามข้อกำหนด 1.สำหรับผิวทางแอสฟัลท์คอนกรีต สภาพความเรียบของผิวทางต้องมีค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index: IRI) ไม่เกิน 2.0 เมตร/กิโลเมตร

2.สำหรับผิวทางคอนกรีต สภาพความเรียบของผิวทางต้องมีค่าดัชนีความขรุขระสากล (International Roughness Index: IRI) ไม่เกิน 2.5 เมตร/กิโลเมตร ถ้าผิวหน้าของพื้นคอนกรีตตอนใดไม่สม่ำเสมอหรือไม่ได้มาตรฐานของกรมทางหลวงที่กำหนด ผู้รับจ้างจะต้องรื้อแผ่นพื้นคอนกรีตแผ่นนั้นยาว อย่างน้อย 3 เมตร ตลอดความกว้างและความหนาของแผ่นพื้นคอนกรีตแผ่นนั้นออกแล้วหล่อคอนกรีตให้ใหม่โดยให้มีรอยต่อก่อสร้างตามขวางตามแบบ ทั้งนี้ผู้รับจ้างต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

ส่วนความคืบหน้าของการเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนในส่วนของการดำเนินงานระบบเก็บค่าผ่านทาง และบำรุงรักษาโครงการ (O&M) รูปแบบ PPP Gross Cost 30ปี จะดำเนินการพร้อมกับสายบางใหญ่-กาญจนบุรี

กรมมีแผนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 โดยในวันที่ 30 มีนาคม ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน จากนั้น 30 เมษายน ขายซองเอกสาร ในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม จะให้เวลาเอกชนจัดทำเอกสารและยื่นข้อเสนอ 1 กันยายน ยื่นซองประมูล และจะรู้ผลการคัดเลือกในวันที่ 1 พฤศจิกายน และในเดือนธันวาคมจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเดือนมกราคม 2562 จะลงนามสัญญา

ในส่วนของการประมูลจะเปิดกว้างทั้งเอกชนไทยและต่างชาติ ขณะนี้ที่สนใจ เช่น บริษัทจากเกาหลีใต้ ฮังการี ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ซึ่งทางกรมจะไม่ปิดโอกาสบริษัทต่างประเทศ เนื่องจากต้องการบริษัทที่ทำงานจริงและมีประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งต้องเข้ามาในรูปแบบ Joint Venture และต้องทำเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น เนื่องจากเราล็อกด้านทุนจดทะเบียนไว้แล้ว เพื่อป้องกันการดึงเงินทุนไปโปะในโครงการอื่น และจะต้องชำระเงินเต็มจำนวนด้วย