“PSH-พฤกษา โฮลดิ้ง” โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% มีรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% เทียบกับไตรมาส 2/65 ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท เติบโต 72% รายได้รวม 13,665 ล้านบาท เติบโต 20% เทียบกับครึ่งปีแรก 2565
วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขาย ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลท์แคร์
บริษัททำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ส่งผลให้ในครึ่งปีแรก 2566 ทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ มีวงเงิน 700 ล้านบาทเป็นรายได้จากความสำเร็จในการสวอปหุ้น บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ PSH
เพื่อนำไปลงทุนในหุ้นของบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ที่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างรายได้ และการเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท
ดังนั้น กำไรของครึ่งปีแรก 2566 ถ้าหักรายการพิเศษจากการสวอปหุ้นออก ธุรกิจหลักของกลุ่มก็ ยังคงมีกำไรครึ่งปีแรก เติบโตกว่า 10% จากปี 2565
สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันทางกลุ่มประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งยอดโอนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านเฮลท์แคร์ ที่มีการเติบโตที่สูงขึ้น
รวมทั้งยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำของ อินโน พรีคาสท์ ทะลุกว่า 2,200 ล้านบาท สูงเกินกว่า 1 เท่าตัว จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง ด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย
นายอุเทนกล่าวว่า ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขาย 4,650 ล้านบาท เติบโต 4% จากไตรมาส 1/66 มียอดโอน 5,650 ล้านบาท เติบโต 11% จากไตรมาส 2/65
แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มสินค้าบ้านแนวราบ และการโอนคอนโดมิเนียม 6 โครงการต่อเนื่องมาจากช่วงต้นปี
ในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท ยอดโอน 11,680 ล้านบาท พร้อมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 4,848 ล้านบาท
ไฮไลต์มาจากการเปิดตัวโครงการ “แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา” ทำยอดขายได้มากกว่า 50% ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากลูกค้าคนไทยและต่างชาติ
รวมถึงโครงการ “พลัมคอนโด นิวเวสต์” ย่านบางใหญ่ สามารถทำยอดจองในวันพรีเซลที่ผ่านมาได้ถึง 580 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่โดดเด่น ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต
และอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสามแยกบางใหญ่เพียง 400 เมตร ในราคาที่จับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท
และจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2566 พฤกษาจึงได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 28 สิงหาคม 2566 จ่ายเงินปันผล วันที่ 8 กันยายน 2566
สำหรับแผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2566 มีแผนเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท
ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดทั้งปีเป็นไปตามแผน เพื่อการยกระดับสินค้ากลุ่มพรีเมียม จากสัดส่วน 22% เพิ่มขึ้นเป็น 33% ในช่วงครึ่งปีแรก
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ ในไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 440 ล้านบาท เติบโต 117% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 และมีรายได้รวมในครึ่งปีแรก 852 ล้านบาท
โดยโรงพยาบาลวิมุตทำรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 77% สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษากว่า 26%
โดยได้ขยายความร่วมมือกับ “นัลลูรี่” (Naluri) ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
โดยมอบสิทธิสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลวิมุตทุกราย ได้ใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี
พร้อมกับตั้งเป้ายกระดับให้ได้ตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (HA) ในระดับ 3 ภายในไตรมาส 3/66 เพื่อมอบบริการในระดับสากล และขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ได้เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) รวมถึงขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่ม
โดยโรงพยาบาลวิมุตและโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ได้เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง Medical Academy เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างรายได้ใหม่ให้กับกลุ่ม
นายอุเทนกล่าวต่อว่า พฤกษา โฮลดิ้ง ยังได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์
สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG)
และได้รับการยอมรับเรื่องความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative ที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน
รวมถึงการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและเฮลท์แคร์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มด้วย