วิจิตราธานีย้ำเจ้าตลาดแปดริ้ว อัลติจูดผุดคอนโดฯโลว์คอสต์

แฟ้มภาพ
“วิจิตราธานี-อัลติจูดฯ” กางแผนปี’61 ใส่เกียร์เดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ ยึดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและอีอีซี ผุดคอนโดฯราคาย่อมเยา เจาะกำลังซื้อหนุ่ม-สาวโรงงาน แต่งตัวจ่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งระดมทุน เสริมศักยภาพ

นายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร วิจิตรากรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอานิสงส์จากนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และใกล้เคียง ซึ่งพบว่ามูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้น 30% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

“แผนธุรกิจบริษัทในปี 2561 จะพัฒนาโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และเน้นลงทุนพื้นที่ฉะเชิงเทราเป็นหลัก ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 30% และมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท”

สำหรับโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการมารวยริเวอร์ไซต์ เฟส 2 เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่า 1,000 ล้านบาท โครงการมารวยยโสธร เป็นบ้านแฝด มูลค่า 500 ล้านบาท โครงการแบรนด์ใหม่ “เดอะ เทรชเชอร์ โฮม” เป็นทาวน์โฮมทำเลบางนา-ตราด มูลค่า 420 ล้านบาท จะเปิดขายภายในไตรมาสที่ 2 นี้ โครงการเดอะเทรชเวอร์ วิลล์ เป็นบ้านแฝด มูลค่า 420 ล้านบาท และโครงการมารวยอ่อนนุช-ลาดกระบัง เป็นทาวน์เฮาส์ มูลค่า 500 ล้านบาท

“อนาคตอาจลงทุนโครงการบ้านพักผู้สูงอายุร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท พร้อมตั้งเป้าลงทุนปีละ 5 โครงการ”

ด้านนายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยว, โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และยอดเป้ารับรู้รายได้ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการเปิดขายในปีที่แล้ว อีกทั้งในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ได้ตั้งเป้านำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเปิดตัวโครงการเพิ่ม มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท

“เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมราคาย่อมเยา เป็นแบรนด์ใหม่ “อาสะ” บนทำเลนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา ที่มีความต้องการที่พักอาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม และมีกำลังซื้อสูงอยู่มาก ซึ่งปัจจุบันมีเพียงคอนโดมิเนียมโครงการเดียว มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท โดยตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าอาชีพวิศวกร พนักงานบัญชี พนักงานขายที่มีรายได้สูง ปัจจุบันมียอดขาย 50% ของโครงการ” นายชยพลกล่าวทิ้งท้าย