บิ๊กอสังหาแห่ร่วมทุนฝ่าด่านตลาดฝืด ผนึกยักษ์”ไทย-เทศ”ลุยที่อยู่อาศัยพ่วงมิกซ์ยูส

เทรนด์อสังหาฯ ถึงยุคเปลี่ยนแปลงบิ๊กเนมแห่ร่วมทุนข้ามสายพันธุ์ เปิดกว้างพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ เผยกลุ่มทุนทั้งรับเหมาจีน-ฮ่องกง-สิงคโปร์ ประกาศปิดดีลคึกคัก “เจ.เอส.พี.-เมเจอร์ฯ-เพอร์เฟค-LPN-ช.การช่าง” ผุดโครงการบ้าน-คอนโดฯทั่วไทยผสมสไตล์มิกซ์ยูส

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก มียอดขายรวมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ต่ำกว่า 1.98 แสนล้านบาท โดยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 12 บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 62% เป็นไปตามเทรนด์การลงทุนอสังหาฯของปี 2559-2560 ที่เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร และปรับโมเดลธุรกิจ มีจุดเน้นร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมากขึ้น

ยุคปรับตัวรับ 3 เทรนด์ใหม่

โดยมองว่ามีเมกะเทรนด์ที่เป็นตัวบังคับให้ภาคธุรกิจอสังหาฯต้องปรับกลยุทธ์ โดยเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งมีกลุ่มลงทุนรายใหญ่จากธุรกิจอื่นเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการมากขึ้น และเป็นกระแสการปรับตัวที่มีให้เห็นต่อเนื่องในปีนี้

สำหรับปัจจัยกดดันในเชิงโครงสร้างใหญ่มี 3 ด้านด้วยกัน 1.โครงสร้างธุรกิจอสังหาฯ จากเดิมทำที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ปัจจุบันต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการทำโครงการมิกซ์ยูสหรือผสมผสานมากขึ้น 2.โครงสร้างผู้เล่นรายใหม่และดีเวลอปเปอร์ มาจากกลุ่มทุนใหญ่นอกวงการ มีความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น และ 3.โครงสร้างความต้องการที่อยู่อาศัยและผู้ซื้อ จากเดิมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเรียลดีมานด์หรือซื้ออยู่จริง ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มใหม่คือซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุนเข้ามาเป็นกำลังซื้อหลักมากขึ้น

ตัวอย่างการปรับตัว เช่น ร่วมทุนกับญี่ปุ่น มีกลุ่มเอพี (ไทยแลนด์) จอยต์เวนเจอร์กับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน 9 โครงการ, กลุ่มอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุนกับมิตซุย ฟุโดซัง ล่าสุดพัฒนาแล้ว 10 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท, สยามพิวรรธน์ร่วมกับกลุ่ม ซี.พี.ทำไอคอนสยาม, กลุ่มออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ร่วมกับพราว เรสซิเดนซ์ของตระกูลลิปตพัลลภ เจาะลูกค้าตลาดบน

กลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท ปรับตัวทำบ้านและคอนโดฯระดับพรีเมี่ยมและธุรกิจโรงพยาบาล, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ขยายสู่แลนด์ดีเวลอปเมนต์ด้วยการตัดขายที่ดิน ล่าสุดมี 4 รายใหญ่ร่วมทุนทำซีเนียร์เรซิเดนซ์ที่ภูเก็ต เป็นต้น

รับเหมาจีนลงทุนสร้างให้ก่อน

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บจ.เจ.เอส.พี.แอสพลัส และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ หรือ JSP กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เจ.เอส.พี.ร่วมทุนกับบจ. จงเทียน คอนสตรัคชั่น เป็นบริษัทสร้างสนามกีฬาโอลิมปิกรังนก 2 ที่ปักกิ่ง มีธุรกิจอสังหาฯในแอฟริกาใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา ร่วมลงทุนโครงการเจเอสพี ซิตี้ บางเสร่ พัทยา เป็นบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 4/60 เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวมูลค่า 400 ล้านบาท จากที่ดินแปลงใหญ่ 160 ไร่ หน้าติดถนนใหญ่ยาว 1 กม. ใกล้การ์ตูนเน็ตเวิร์ก

รูปแบบคือบริษัทจงเทียนก่อสร้างให้ก่อนภายใต้คอนเซ็ปต์ Cash Flow Management จากนั้นเมื่อมียอดขายและโอนให้กับลูกค้า ทางผู้รับเหมาก็จะได้รับเงินในส่วนที่ลงทุนก่อสร้างไปก่อน เป็นแผนธุรกิจวิน-วิน เพราะเจเอสพีได้ประโยชน์ความคล่องตัวบริหารกระแสเงินสดดีมากขึ้น

“เรามองเรื่องเงินลงทุน เทคโนโลยี และต้องการมาร์เก็ตติ้งอาร์มดึงลูกค้าจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯในพัทยา โดยจอยต์เวนเจอร์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด บริษัทยังเปิดโอกาสในการร่วมทุนพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ก่อนหน้านี้เคยมีบริษัทญี่ปุ่นสนใจร่วมลงทุนพัฒนาบ้านเดี่ยวรองรับคนญี่ปุ่นทำงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดย บล.เอเซีย พลัสเป็นคนแนะนำให้มาคุยกับเจเอสพี”

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า บริษัทเสนา ฮันคิว เป็นบริษัทร่วมทุนมีแผนลงทุนคอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท มีแบรนด์ “นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์”

เปิดตัวเดือน ธ.ค. 2559 ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแบรนด์ “นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง” 1,270 ยูนิต ทำเลใกล้สถานีแบริ่ง 250 เมตร

LPN-เมเจอร์ฯ-เพอร์เฟคขยับตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดค่าย LPN ร่วมลงทุนกับ บจ.นายณ์ เอสเตท, บมจ. ชีวาทัย และ บมจ.ช.การช่าง จัดตั้งบจ.กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง พัฒนาโครงการที่พักอาศัยคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ซีเนียร์ลิฟวิ่งระดับพรีเมี่ยม หาดกมลา มูลค่า โครงการ 3,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทกมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง มีสัดส่วนถือหุ้นแบ่งเป็นกลุ่มนายณ์ เอสเตท 28.5% กลุ่มชีวาทัยและ LPN รายละ 25% กลุ่ม ช.การช่าง 20% พญ.นาฎ ฟองสมุทย์ ผู้พัฒนาโครงการสวางคนิวาส 0.75% และนาย Daniel Holmes 0.75%

ด้าน บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 26 ก.ค. 2560 อนุมัติจัดตั้ง บจ.เอ็มเจดี-เจวี 1 ร่วมลงทุนกับ MUST International Trading PTE Ltd. และ GMM Singapore Real Estate PTE Ltd. จากสิงคโปร์ และ GRG Global Investments Limited จากฮ่องกง ร่วมลงทุนพัฒนาคอนโดฯ

บริษัทร่วมทุนตั้งขึ้นรองรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยเมเจอร์ฯถือหุ้น 51% MUST 22%, GMM Singapore 22% และ GRG Global 5%

และ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนจีน 1-2 ราย ร่วมพัฒนาโครงการในเขตเศรษฐกิจพิเศษจ.ตราดจะได้ข้อสรุปต้นปีหน้า และจะเริ่มก่อสร้างโครงการบนที่ดินของกรมธนารักษ์ 895 ไร่ พื้นที่ 1.2 แสนตารางเมตร มูลค่าลงทุน 5,000 ล้านบาท